พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯในมือ'กฤษฎีกา' ปรับกม.หนุนลงทุน 10 กิจการบัญชีแนบท้าย

การปรับแก้ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือว่าน่าจับตามอง ภายหลังจากมีข้อเสนอว่าการจัดทำร่างกฎหมายให้น้ำหนักกับเรื่องกาสิโน มากกว่าการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เผยร่างกฎหมายที่ปรับแก้ใหม่จะให้ความสำคัญกับกิจการแนบท้าย 10 กิจการ
KEY
POINTS
- การปรับแก้ร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของคณะกรรมการกฤษฎีกาหลังเข้า ครม. ถือว่าน่าจับตามอง
- การแก้ไขอาจใช้เวลานานภายหลังจากมีข้อสังเกตว่าการจัดทำร่างกฎหมายให้น้ำหนักกับเรื่องกาสิโน มากกว่าการผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
- เผยร่างกฎหมายที่ปรับแก้ใหม่จะให้ความสำคัญกับกิจการแนบท้าย 10 กิจการ ที่จะสร้างการลงทุนใหม่จริงๆ
- โดยกิจการแนบท้ายถือว่าจะเป็นส่งที่ควรส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ความคืบหน้าของการผลักดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้มีการลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศ ถือว่ามาถึงขั้นตอนที่สำคัญหลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรได้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.ในหลักการ และส่งร่างกฎหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ถ้อยคำต่างๆ ก่อนที่จะเสนอกลับมาให้ ครม.ตรวจร่างกฎหมายอีกครั้งจึงจะส่งให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งเพื่อส่งไปยังการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาต่อไป
แม้ว่า "คนในรัฐบาล" จะออกมาให้ความเห็นว่าการปรับร่างกฎหมายฉบับนี้ของคณะกรรมการกฤษฎีกาจะใช้เวลาไม่นานคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือน แต่หากดูความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ประกอบการพิจารณาของ ครม.ที่ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องปรับให้ตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงกับรัฐสภาที่ว่าด้วยนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destination)
เอนเตอร์เทนเมนต์ฯควรเป็นแค่ส่วนประกอบไม่ใช่โครงการหลัก
ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกามองว่าหากมุ่งจะพัฒนาพื้นที่เป้าหมายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) จึงเป็นเพียง "ส่วนประกอบหนึ่ง" ของแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้น และอาจมีสถานที่ใดที่จัดให้มีการเล่นกาสิโนด้วยได้ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวที่มุ่งหมายเฉพาะสถานบันเทิงครบวงจรนั้นยังไม่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ขณะที่ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า สถานบันเทิงครบวงจรคือสิ่งใด เพราะแต่ละกิจกรรมมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่
เน้นการบริหารพื้นที่ เน้นดึงลงทุนกิจการแนบท้าย
ทั้งนี้แนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะปรับแนวทางของกฎหมายฉบับนี้จะให้ความสำคัญกับการบริหารพื้นที่ที่จะจัดตั้งและลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยกฎหมายต้องสนับสนุนให้มีการลงทุนในกิจการที่กำหนดไว้ในกิจการแนบท้าย ซึ่งเป็นโอกาสที่จะสร้างการท่องเที่ยวมูลค่าเพิ่ม มากกว่าที่จะปล่อยให้กฎหมายให้น้ำหนักกับการเปิดกาสิโน เนื่องจากเมื่อดูแล้วการลงทุนกิจการแนบท้ายนั้นจะส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพ ที่ยั่งยืนให้กับประเทศได้ตามเหตุผลที่ร่างกฎหมายระบุไว้
สำหรับกิจการตามบัญชีแนบท้ายของร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ประกอบไปด้วย
- ห้างสรรพสินค้า
- โรงแรม
- ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์
- สนามกีฬา
- ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ
- สถานที่เล่นเกม
- สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
- สวนสนุก
- พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
- และ 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด ซึ่งกิจการอื่นๆตามที่คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรกำหนด ก็คือข้อที่จะให้ผู้ลงทุนเสนอแผนธุรกิจเข้ามาในการยื่นลงทุน เช่น สนามกีฬาขนาดใหญ่ คอนเสิร์ตฮอลล์ เพื่อสนับสนุนให้ต่อยอดการท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างแท้จริง
ต้องจับตาดูว่าท้ายที่สุดแล้วร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้กลับมาเสนอ ครม.นั้นจะมีโฉมหน้าอย่างไร จะตอบโจทย์แนวทางการส่งเสริมให้มี Man-Made Destination ที่จะสร้างรายได้ให้ประเทศ
ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืนได้หรือไม่ การผลักดันให้มีการลงทุนกิจการตามบัญชีแนบท้าย จะเป็นเดิมพันสำคัญที่จะชี้วัดว่านโยบายสถานบันเงินครบวงจรของประเทศไทยจะประสบความสำเร็จจริงหรือไม่