ราคาหุ้น ‘Xiaomi’ พุ่ง 15% หลังวางขาย EV ที่ ‘ถูกกว่า’ Tesla มากถึง 146,000 บาท!

ราคาหุ้น ‘Xiaomi’ พุ่ง 15% หลังวางขาย EV ที่ ‘ถูกกว่า’ Tesla มากถึง 146,000 บาท!

ราคาหุ้นบริษัท “Xiaomi” (เสียวหมี่) ทะยานขึ้น 15% หลังจากบริษัทได้วางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรก แถมราคาต่ำกว่า Tesla มากถึง 1.4 แสนบาท

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ราคาหุ้นของบริษัท “Xiaomi” (เสียวหมี่) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก สัญชาติจีน ได้ปรับตัวขึ้น 15% ในวันอังคาร (2 เม.ย. 2567) ช่วงตลาดเปิด หลังจากที่บริษัทวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นครั้งแรก นับเป็น “จังหวะที่น่าจับตา” ของบริษัทมือถือรายนี้ที่หันมารุกด้าน EV แม้ว่าเป็นตลาดที่แข่งขันดุเดือดและมีผู้ขายมากรายก็ตาม

รถที่บริษัท Xiaomi วางจำหน่ายครั้งแรก คือ รถ EV แบบ SU7 ในราคาถูกกว่ารถยนต์ Tesla โมเดล 3 ถึง 4,000 ดอลลาร์ หรือถูกกว่าราว 146,000 บาท แถมมีระยะวิ่งจากพลังงานแบตเตอรี่ที่ไกลกว่าด้วย

ในช่วงเช้าของวันอังคารนี้ ร้านค้าออนไลน์ของ Xiaomi รายงานว่า เพียง 27 นาที มีผู้เข้าไปจองรถบริษัทมากกว่า 50,000 คันนับตั้งแต่เปิดขายตอน 4 ทุ่ม

ส่วนคู่แข่งด้าน EV อย่าง Xpeng และ Nio ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน ประกาศอุดหนุนราคารถที่ 20,000 หยวน หรือราว 1 แสนบาท และ 10,000 หยวน หรือราว 5 หมื่นบาทตามลำดับ อีกทั้ง Nio ยังประกาศดีลโปรโมชั่นตามนโยบายสนับสนุนด้าน EV ของรัฐบาล โดยลูกค้าสามารถนำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่ในราคาพิเศษ

กระแสพากันลดราคาของบรรดารถยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยประเภทรถที่ถูกขายในจีนตอนนี้ มากกว่า 1 ใน 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์แบบไฮบริด (ใช้ได้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า) ตามข้อมูลจาก สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (China Passenger Car Association)

Li Auto หนึ่งในแบรนด์รถ EV ชื่อดังของจีน กล่าวว่าเมื่อวันจันทร์ (1 เม.ย. 2567) ว่า บริษัทได้ส่งมอบรถ 28,984 คันในเดือน มี.ค. 

ส่วนบริษัทรถ Nio ระบุว่า ได้ส่งมอบรถ 11,866 คันในเดือน มี.ค. ขณะที่ Xpeng ส่งมอบรถในจำนวนน้อยกว่าเล็กน้อย ที่ราว 9,026 คันในเดือน มี.ค.

อย่างไรก็ตาม แบรนด์ EV ที่มาเหนือความคาดหมาย คือ Aito ของบริษัท Huawei โทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ส่งมอบรถ 31,727 คันในเดือน มี.ค.

สุดท้าย คือ BYD ยักษ์ใหญ่ด้าน EV อันดับ 1 ของจีน ได้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 139,902 คัน และรถยนต์แบบไฮบริด 161,729  คันในเดือน มี.ค. โดยยอดขายรถนั่งส่วนบุคคลของเดือน มี.ค. ได้เพิ่มขึ้นราว 14% จากปีที่แล้ว

อ้างอิง: cnbc