สื่อนอกตีข่าว 'ไทย' เล็งดึงอินฟลูเอนเซอร์จีน โปรโมตสินค้า-กระตุ้นส่งออก

สื่อนอกตีข่าว 'ไทย' เล็งดึงอินฟลูเอนเซอร์จีน โปรโมตสินค้า-กระตุ้นส่งออก

“ภูมิธรรม” ให้สัมภาษณ์สื่อนอก เผย มีแผนเชิญอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนมากถึง 50 คน มาร่วมประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในเดือน พ.ค.นี้ หวังดึงดูดเหล่าฟอลโลเวอร์ในแดนมังกร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นการส่งออกจากไทยไปประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก

Keypoints:

  • ไทยจะเชิญอินฟลูฯ แถวหน้าของจีนราว 30-50 คน มาเยือนประเทศ 1 สัปดาห์ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อร่วมโปรโมตสินค้าไทยผ่านการไลฟ์สตรีม
  • ไอเดียนี้มีขึ้นในช่วงที่การส่งออกสินค้าของไทยไปยังจีนปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในปี 2565 ส่งผลให้จีนหล่นชั้นกลายมาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย ตามหลังสหรัฐ
  • นอกจากแผนเชิญอินฟลูฯ จีนร่วมกระตุ้นการส่งออกแล้ว ไทยยังพิจารณาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและสถานที่ท่องเที่ยวไทยผ่านซีรีส์วายด้วย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) โดยระบุว่า รัฐบาลจะเชิญอินฟลูเอนเซอร์แถวหน้าของจีนราว 30-50 คน มาเยือนประเทศไทยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้อินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้โปรโมตสินค้าไทยผ่านการไลฟ์สตรีม

“โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป เราต้องคิดหาวิธีใหม่ ๆ ในการขายสินค้า” รัฐมนตรีพาณิชย์กล่าว

นอกจากนี้ นายภูมิธรรมระบุว่า รัฐบาลไทยจะแบ่งปันผลกำไรจากการขายสินค้าไทยให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ “หากแผนการนี้ประสบความล้มเหลว เราก็ไม่เสียอะไร แต่ถ้าประสบความสำเร็จ เราก็จะต่อยอดกลยุทธ์นี้ไปยังสิ่งอื่น ๆ”

  • “ตลาดจีน” ความหวังฟื้นส่งออกไทย

ก่อนหน้านี้ ทางการไทยเคยอาศัยอินฟลูเอนเซอร์ในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวมาก่อน ขณะที่ไอเดียล่าสุดนี้มีขึ้นในช่วงที่การส่งออกสินค้าของไทยไปยังจีนปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในปี 2565 ส่งผลให้จีนหล่นชั้นกลายมาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย ตามหลังสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นการส่งออกถือเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการกระตุ้นผลผลิตทางเศรษฐกิจรายปีสู่ระดับ 5%

รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวถือว่าท้าทายสำหรับเศรษฐกิจไทย หลังจากขยายตัวเฉลี่ยที่เพียง 1.8% ในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ไทยตามหลังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอนั้นเกิดจากการก่อรัฐประหารหลายต่อหลายครั้งและความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในไทย ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนและความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่น ๆ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

ขณะที่ภาคการส่งออกซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หดตัว 1% ในปี 2566 หลังขยายตัว 5.4% ในปี 2565 โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้ากระตุ้นการส่งออกให้เติบโต 1-2% ในปี 2567 ขณะที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าภาคส่งออกจะขยายตัว 4.2% ซึ่งปกติแล้วภาคการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทย

  • พึ่งพลัง “ซีรีส์วาย”

นอกจากแผนเชิญอินฟลูเอนเซอร์จีนร่วมกระตุ้นภาคการส่งออกไทยแล้ว รัฐบาลยังพิจารณาส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและสถานที่ท่องเที่ยวไทยผ่านซีรีส์วาย หรือ Boys Love โดยรัฐบาลไทยได้เชิญ “มาย” ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ “อาโป” ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ สองนักแสดงซีรีส์วายชื่อดังของไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมโปรเจกต์การตลาดครั้งนี้ผ่านซีรีส์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า “ชาย” (Shine)

นายภูมิธรรมได้เข้าร่วมแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ “ชาย” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกองทัพแฟนคลับของมาย-อาโปที่เข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง โดยแฟนคลับจำนวนมากบินมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์

ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยยังเตรียมเปิดตัวสองนักแสดงสาวจากซีรีส์แนวยูริ หรือ Girls Love ซึ่งได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการโปรโมตประเทศไทย ก่อนถึงเดือน Pride Month ในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+)

“ผมไม่เข้าใจพลังแห่งรักจนกระทั่งเสร็จสิ้นการแถลงข่าว” นายภูมิธรรมระบุ พร้อมคาดการณ์ว่า โปรเจกต์ดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับมูลค่าเศรษฐกิจไทยถึงประมาณ 2,000 ล้านบาท

อ้างอิง: Bloomberg