‘บาทอ่อน’ สะเทือนเศรษฐกิจ

‘บาทอ่อน’ สะเทือนเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจที่ยังผันผวนคาดเดาลำบาก มีส่วนสำคัญทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจชะลอตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินลงทุน ขณะที่ต้นทุนสินค้าบริการก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น กระทบโดยตรงต่อกระเป๋าเงินคนหาเช้ากินค่ำ

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเปราะบาง ทุกดัชนีตัวชี้วัดสะท้อนเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา สำนักข่าวต่างประเทศ ออกรายงาน วิเคราะห์ถึง ‘สกุลเงินบาท’ ที่วันนี้ พลิกผันจากการเป็นสกุลเงินแข็งค่าที่สุดในเอเชียเมื่อไตรมาสสี่ กลายเป็นสกุลเงิน ‘อ่อนค่าหนักสุดในปีนี้’ เมื่อกองทุนต่างชาติต่างเมินสินทรัพย์ไทยท่ามกลางการโต้แย้งกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ รมช.คลังของไทย ออกมาแสดงความวิตกว่า ต้นทุนการกู้ยืมเงินที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีจะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปฏิเสธข้อเรียกร้องเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้เหตุผลว่า การลดต้นทุนการกู้ยืมเงินนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจไทยได้

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทจะได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ในต่างประเทศ คาดการณ์ว่า ดอลลาร์สหรัฐ-บาทไทยจะซื้อขายในกรอบ 36.0-36.50 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังปิดที่ 35.63 บาทต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยสุทธิรวมแล้ว 808 ดอลลาร์ในปีนี้ ส่วนดัชนีหุ้นไทยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีในสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความวิตกกังวล

ขณะเดียวกัน ตราสารหนี้ของไทยก็ไม่น่าดึงดูดเช่นเดียวกัน เนื่องจากตลาดตราสารหนี้ของไทยเผชิญภาวะเงินไหลออกหลังมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้และข่าวอื้อฉาวเรื่องการตรวจสอบบัญชีครั้งใหญ่สั่นคลอนความเชื่อมั่นนักลงทุน

สถานการณ์แบบนี้ บรรดาเทรดเดอร์ ต่างจับตาข้อมูลในวันพุธที่ 31 ม.ค. เพื่อพิจารณาว่าดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนธ.ค.ของไทยดีขึ้นหรือไม่ หลังขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.24 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. โดยก่อนหน้านั้นไทยได้ให้สิทธิวีซ่าฟรีแก่นักเดินทางชาวจีนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นของไทย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินบาท

แต่การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวและยอดนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 นั้นยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดกลายเป็นชนวนฉุดรั้งสำคัญ

เศรษฐกิจที่ยังผันผวนคาดเดาลำบาก มีส่วนสำคัญทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจชะลอตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินลงทุน ขณะที่ต้นทุนสินค้าบริการก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น กระทบโดยตรงต่อกระเป๋าเงินคนหาเช้ากินค่ำ

ภาวะที่ไม่แน่นอนทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปัจจัยความท้าทายโลกที่คืบคลานเข้ามาตีกระทบไทย กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพระบบการเงินการคลัง และการลงทุนของประเทศ รัฐบาลเศรษฐาต้องเร่งหามาตรการหรือแนวนโยบายที่เรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว