วิกฤติเศรษฐกิจสะท้อนแรง ‘อสังหาฯ’ สาหัส

วิกฤติเศรษฐกิจสะท้อนแรง ‘อสังหาฯ’ สาหัส

ถ้ารัฐยังไม่มีมาตรการใดออกมา ตลาดรวมอสังหาฯ ปีนี้อาจ ‘สาหัส’ กว่าที่คาดคิด ‘กลุ่มคนมีเงิน’ คงไม่วิตก แต่กลุ่มระดับกลางถึงล่าง ‘ไม่ไหวแล้ว’

ภาวะเศรษฐกิจไทย กำลังอยู่ในภาวะอ่อนแรง หลายดัชนีส่งสัญญาณ ‘น่าเป็นห่วง’ การบริโภคภายในประเทศ “ชะลอตัวและติดลบ” 

หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงยังเป็นขวากหนามใหญ่ ค่าแรงต่ำสวนทางค่าครองชีพ เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง จากที่เคยเติบโตได้สูงที่ระดับ 7% ลดลงมาเฉลี่ยเหลือ 5% และปีก่อนเหลือ 2.5% ในทุกวิกฤติเศรษฐกิจไทยไม่เคยกลับไปเติบโตในระดับเดิมได้ 

ขณะที่ หากมองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มต่ำลง ทั้งจาก คุณภาพ ปริมาณ ประชากรของไทยลดลง โดยเฉพาะในวัยแรงงาน มีปัญหาแก่ก่อนรวย เผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ภาครัฐที่อยู่ระดับสูงต่อเนื่อง

วิกฤติเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณลบแรงขึ้น สะท้อนจาก ‘กลุ่มอสังหาริมทรัพย์’ ที่มีอาการน่าเป็นห่วง เศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจ ส่งผลให้คนจำนวนมากเริ่มแบกรับภาระหนี้ไม่ไหวแห่ ‘ทิ้งบ้านที่กำลังผ่อน’ เป็นเรื่องที่สะท้อนโดยตรงถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ให้ข้อมูลว่า ภาพรวมอสังหาฯ ปี 2567 มีปัจจัยลบจำนวนมาก ประกอบกับกำลังซื้อลูกค้าหลักจีนหาย นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทก็ไม่ได้ข้อสรุป ยิ่งมองไปที่ ‘รายได้’ ของประชาชนก็ไม่เป็นไปตามเป้า เครื่องยนต์ใหญ่ส่งออกไม่ดี ท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามคาด ค่าใช้จ่ายต่อหัวนักท่องเที่ยวลดลง

ผู้ประกอบการอสังหาฯ เอง ก็เผชิญภาวะยอดขายลดลง ขณะที่การขายคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นการขายกลุ่มนักลงทุนมากขึ้น

ส่วนคอนโดอยู่อาศัยขาย “ลดลง” ผู้ประกอบการรายใหญ่ มองว่าปีนี้ ธุรกิจอสังหาฯ น่าจะ “ทรงตัว” หรือ “ติดลบ” เพราะการทำตลาดยากและซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากฐานใหญ่ ตลาดระดับกลาง-ล่าง ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ถดถอย 

ยังไม่นับที่ต้องเผชิญมรสุมชำระหนี้ตราสารหนี้คงค้าง (Roll-over) ต่อเนื่องจากปี 2566 เพราะแหล่งเงินทุนหลักของ อสังหาฯ มาจากการออกหุ้นกู้

อีกความท้าทายที่น่ากังวล คือ หนี้ภาคเอกชนที่กำลังเป็นภัยคุกคาม ทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจมีความยากขึ้น ขณะที่ หุ้นกู้จำนวนมากก็เริ่มมีการผิดชำระหนี้เพิ่มขึ้น การเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ และหุ้นกู้เดิมยากลำบากมากขึ้น 

วิกฤติอสังหาฯ สะท้อนชัดขึ้นตามลำดับ เมื่อ 7 สมาคมภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ยื่นหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ขอความสนับสนุนให้ผ่อนผันมาตรการ LTV เช่นเดียวกับปี 2565 ที่การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป สามารถขอกู้ได้ 100% เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นกำลังซื้อของประชาชน.. 

ถ้ารัฐยังไม่มีมาตรการใดออกมา ตลาดรวมอสังหาฯ ปีนี้อาจ ‘สาหัส’ กว่าที่คาดคิด ‘กลุ่มคนมีเงิน’ คงไม่วิตก แต่กลุ่มระดับกลางถึงล่าง ‘ไม่ไหวแล้ว’  ..อย่าให้วิกฤติอสังหาฯ ยิ่งเป็นตัวถ่างความเหลื่อมล้ำในประเทศมากไปกว่านี้