'อีลอน มัสก์' ลั่น 'Tesla' ต้องเปลี่ยนแปลง! เล็งเพิ่มอำนาจโหวตตัวเองเป็น 25%

'อีลอน มัสก์' ลั่น 'Tesla' ต้องเปลี่ยนแปลง! เล็งเพิ่มอำนาจโหวตตัวเองเป็น 25%

ท่ามกลางศึก AI ที่กำลังแข่งขันดุเดือด “อีลอน มัสก์” ประกาศต้องการอำนาจในบริษัท “Tesla” ที่ 25% เพื่อพาบริษัทขึ้นสู่ผู้นำด้าน AI แต่การที่เขาต้องบริหารหลายบริษัทพร้อมกัน ทั้งแพลตฟอร์ม X, จรวดอวกาศ และ Tesla จึงทำให้ผู้ถือหุ้นยังไม่วางใจ 100%

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) ว่า เขาต้องการอำนาจการโหวตในบริษัท Tesla ประมาณ 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 13% หรือประมาณ 411 ล้านหุ้นจากทั้งหมด 3,190 ล้านหุ้น ตามข้อมูลทางงบการเงินบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2566

จะเห็นได้ว่า สัดส่วนหุ้นที่มัสก์ถือครองยังคงเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ แม้ว่าเขาเคยขายหุ้น Tesla จำนวนหลายหมื่นหุ้นออกไปในปี 2565 แล้วก็ตาม เพื่อนำเงินไปซื้อ Twitter บริษัทโซเชียลมีเดียของสหรัฐในมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์

สำหรับเหตุผลที่ต้องการอำนาจโหวต 25% มัสก์ระบุว่า “การไม่มีอำนาจโหวตในบริษัทที่สัดส่วน 25% ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจในการผลักดัน Tesla ให้เป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ เพราะไม่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

ในเดือน เม.ย. 2565 ช่วงการประชุมทางโทรศัพท์ (Earnings Call) เกี่ยวกับผลประกอบการ ประจำไตรมาส 1 ของบริษัท Tesla มัสก์คาดการณ์ว่า หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของ Tesla ที่ชื่อ “Optimus” และกำลังอยู่ในระหว่างการทดลอง ท้ายที่สุดจะมีมูลค่าทางธุรกิจ “มากกว่า” ธุรกิจด้านยานยนต์ และมากกว่ามูลค่าเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ Tesla ในปัจจุบัน

ในงาน Tesla AI Day ที่บริษัทเปิดตัวนวัตกรรมสุดล้ำต่าง ๆ โดยเฉพาะ Optimus หุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ ในช่วงเดือน ก.ย. 2565 มัสก์เล่าว่า จุดประสงค์ของงานนี้ คือ เพื่อจัดแสดงความสามารถและพัฒนาการของ AI, ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ และหุ่นยนต์ ของ Tesla

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 เจ้าของบริษัท Tesla วิจารณ์ เคร็ก เออร์วิน (Craig Irwin) นักวิเคราะห์ของธนาคาร Roth Capital ที่ให้ความเห็นในรายการข่าว Closing Bell ของช่อง CNBC ว่า มูลค่าหุ้น Tesla แพงเกินจริงไปมาก เมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์อย่าง Toyota โดยหลังจากที่มัสก์ได้ยินเช่นนั้นก็โต้ตอบว่า รถ Tesla ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า อีกทั้ง Tesla ไม่ใช่เป็นเพียงบริษัทรถยนต์ EV แต่แท้ที่จริงเป็น “บริษัทด้าน AI และหุ่นยนต์” ด้วย.

ขณะที่รายงานประจำปี 2565 ของ Tesla รายงานว่า รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจาก “ธุรกิจรถยนต์” มากถึงราว 95% และในไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทระบุว่า กำลังหันมาโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์และบริการด้านพื้นฐานของ AI, หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ   

นอกจากนี้ ในช่วงตอนเช้าของวันจันทร์ (15 ม.ค.) อีลอนยังโพสต์คลิปบน X (Twitter) ว่า หุ่นยนต์ Optimus ของเขากำลังพัฒนาการพับผ้าบนโต๊ะ ด้วยการถูกควบคุมทางไกลโดยมนุษย์

เมื่อมัสก์ต้องการอำนาจควบคุม Tesla เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองในบอร์ดบริหาร สิ่งนี้ก็ทำให้เหล่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นกังวลอยู่หลายประเด็นด้วยกัน อาทิ นักลงทุนบางคนกังวลว่า ซีอีโอ Tesla จะจัดสรรเวลาและจุดสนใจอย่างไรในเมื่อต้องบริหาร SpaceX บริษัทจรวดอวกาศ, X Corp. บริษัทแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และบริษัท Tesla รวมถึงความเห็นของเขาหลายครั้งที่แสดงออกผ่านสังคมออนไลน์ ก็กลายเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ไม่เว้นแม้แต่กระแสเมื่อไม่นานนี้จากสำนักข่าว Wall Street Journal ที่กล่าวหาว่า มัสก์ใช้ยาผิดกฎหมาย

อ้างอิง: cnbc