‘หยาง ฮุ่ยเหยียน’ อดีตเศรษฐินีรวยสุดในเอเชีย รวยวูบมากที่สุดในโลก 1 ล้านล้านใน 2 ปี

‘หยาง ฮุ่ยเหยียน’ อดีตเศรษฐินีรวยสุดในเอเชีย รวยวูบมากที่สุดในโลก 1 ล้านล้านใน 2 ปี

จากวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนขณะนี้ ส่งผลให้ “หยาง ฮุ่ยเหยียน” เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Country Garden ซึ่งเคยเป็นผู้หญิงที่รวยอันดับ 1 ในเอเชีย สูญความมั่งคั่งไป 1 ล้านล้านบาทในเวลาเพียง 2 ปีเศษ

Key Points

  • หยาง ฮุ่ยเหยียน มีความมั่งคั่งลดลงไป 84% นับจากจุดสูงสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 มากกว่าเศรษฐีทุกคนทั่วโลกในรอบกว่า 2 ปี จากวิกฤติหนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีน
  • ความมั่งคั่งของหยาง ฮุ่ยเหยียน ลดลงไปราว 1 ล้านล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ปัจจุบัน เธอมีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ราว 193,000 ล้านบาท
  • ข้อมูลงบการเงินเมื่อปี 2565 ระบุว่า บริษัท Country Garden มีรายได้ราว 2 ล้านล้านบาท


หยาง ฮุ่ยเหยียน” เศรษฐินีผู้เคยร่ำรวยมากที่สุดในเอเชีย ชาวจีนต่างรู้จักเธอในฐานะเจ้าของบริษัท Country Garden อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีนที่ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การก่อสร้าง, การตกแต่งภายใน, การจัดการทรัพย์สินและการดำเนินงานโรงแรม

‘หยาง ฮุ่ยเหยียน’ อดีตเศรษฐินีรวยสุดในเอเชีย รวยวูบมากที่สุดในโลก 1 ล้านล้านใน 2 ปี

- หยาง ฮุ่ยเหยียน (เครดิต: South China Morning Post) -

กระทั่งเวลานี้ ความมั่งคั่งของหยางร่วงหนักถึง 84% นับจากจุดสูงสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 มากกว่าเศรษฐีทุกคนทั่วโลกในรอบกว่า 2 ปี จากวิกฤติหนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีน

นอกจากนั้น การที่บริษัท Country Garden ของหยาง พลาดการชำระดอกเบี้ยตราสารหนี้จำนวนราว 22.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันจันทร์ (7 ส.ค.) ที่ผ่านมา ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ต่อสาธารณะ หากบริษัทของเธอไม่สามารถชำระหนี้ภายในระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน

  • จุดเริ่มต้นก่อนขึ้นบริหารบริษัทแทนพ่อ

เริ่มแรก พ่อของหยางร่วมก่อตั้งบริษัท Country Garden ในปี 2535 และจากนั้น หยางได้มาช่วยพ่อของเธอในฐานะผู้ช่วยส่วนตัว เรียนรู้งานบริหารต่าง ๆ และมีส่วนทำให้บริษัทเติบโตขึ้นจนประสบความสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2548 พ่อของหยางจึงถ่ายโอนหุ้นบริษัทให้ในสัดส่วนเกิน 50% เพื่อให้หยางมีอำนาจในการกำกับทิศทางบริษัท 

นอกจากนี้ หยางกลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในจีนตอนอายุ 25 ปี หลังจากที่บริษัท Country Garden ประกาศขายหุ้นออกสู่สาธารณะครั้งแรก (IPO) เมื่อเดือน เม.ย. 2550 ในฮ่องกง จนได้ทุนมา 1,650 ล้านดอลลาร์ และเธอได้ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทร่วมกับพ่อตั้งแต่ปี 2561

ส่วนในปีนี้ หยางได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเพียงผู้เดียว หลังจากที่พ่อของเธอถอนตัวจากตำแหน่งนี้ เนื่องจากความชรา

  • มาตรการรัฐฉุดความมั่งคั่ง

ความมั่งคั่งของเศรษฐินีอสังหาริมทรัพย์รายนี้ ลดลงไป 28,600 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาทจากจุดสูงสุด ทำให้ปัจจุบัน เธอมีความมั่งคั่งอยู่ที่ 5,500 ล้านดอลลาร์หรือราว 193,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในหมู่อภิมหาเศรษฐี ตามข้อมูลดัชนีความมั่งคั่งของ Bloomberg

สำหรับความมั่งคั่งของหยางนั้น ส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นในบริษัท Country Garden ซึ่งมีมูลค่าลดลงเกือบ 60% ในปีนี้ อันเกิดจากยอดขายบ้านที่ลดลง และต้นทุนการรีไฟแนนซ์ที่เพิ่มขึ้น

‘หยาง ฮุ่ยเหยียน’ อดีตเศรษฐินีรวยสุดในเอเชีย รวยวูบมากที่สุดในโลก 1 ล้านล้านใน 2 ปี - อสังหาริมทรัพย์จีน (เครดิต: AFP) -

อีกทั้งเมื่อย้อนไปในปี 2563 รัฐบาลจีนได้งัดมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้เหล่านักพัฒนาพื้นที่ทำการรีไฟแนนซ์หนี้ที่พอกพูนได้ยากขึ้น กระแสเงินสดก็ตึงตัว จนกลายเป็นการผิดนัดชำระหนี้นอกประเทศที่สูงเป็นประวัติการณ์

ขณะเดียวกัน การลงทุนของบริษัทหดหายไปหลายพันล้านดอลลาร์ และการก่อสร้างบ้านหลายพันหลังต้องเลื่อนออกไป จนกระทบธุรกิจ Country Garden ของเธออย่างรุนแรง

สำหรับข้อมูลงบการเงินเมื่อปี 2565 บริษัท Country Garden มีรายได้ 430,000 ล้านหยวนหรือราว 2 ล้านล้านบาท

แม้ว่าหยางจะสูญเสียความร่ำรวยไปอย่างมหาศาล แต่ยังเทียบไม่ได้กับสวี่ เจียยิ่น เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ซึ่งปัจจุบันมีความมั่งคั่งลดลงเหลือ 3,200 ล้านดอลลาร์หรือราว 110,000 ล้านบาท จากจุดสูงสุดที่เคยมี 42,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2560 อันเกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande

ปัจจุบัน หยางได้โอนหุ้นส่วนในบริษัทมากกว่าครึ่งหนึ่งของเธอ ซึ่งมีมูลค่า 826 ล้านดอลลาร์หรือราว 29,000 ล้านบาท ให้แก่องค์กรการกุศลที่ก่อตั้งโดยน้องสาวของเธอ และเธอยังคงมีสิทธิ์โหวตในบริษัทเพื่อกำหนดทิศทางธุรกิจ

ถึงแม้ว่าบริษัท Country Garden พลาดการชำระตราสารหนี้ 22.5 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ แต่สำนักข่าว Bloomberg คำนวณพบว่า หยางจะได้รับเงินรวมกว่า 60 ล้านดอลลาร์ในวันนี้ (11 ส.ค.) แบ่งเป็นเงินปันผล 28 ล้านดอลลาร์ตามสัดส่วนการถือหุ้นจากบริษัทของเธอ และเงินสดจากมูลนิธิของครอบครัวเธออีก 35 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินที่หยางได้มาเหล่านี้ถือว่ามากพอที่ชำระหนี้จากตราสารหนี้ดังกล่าวได้

อ้างอิง: bloombergbloomberg(2)