หนี้โลก ‘นิวไฮ’ ระเบิดอีกลูกที่ต้องจับตา

หนี้โลก ‘นิวไฮ’ ระเบิดอีกลูกที่ต้องจับตา

‘ไอไอเอฟ’ ชี้ สถานการณ์หนี้ทั่วโลกไตรมาสแรกของปี 2566 พบหนี้สินทั่วโลกพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 305 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (1 หมื่นล้านล้านบาท) ขณะที่ไทยพบหนี้ครัวเรือนสูงราว 90% ของจีดีพี ซึ่งอาจเป็นระเบิดลูกใหญ่ตามมา

ความเสี่ยงต่อ ‘เศรษฐกิจโลก’ เริ่มถูกเผยออกมาให้เห็นทีละเปลาะ ล่าสุด สถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือ ‘ไอไอเอฟ’ เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ทั่วโลก ซึ่งพบว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 หนี้สินทั่วทั้งโลกพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ระดับ 305 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยตกราวๆ 1 หมื่นล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 260 ล้านล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของหนี้สินทั่วโลกในไตรมาสแรกปีนี้ ยังถือเป็นการเพิ่มขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาสติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง เทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ลดลงไปค่อนข้างมาก 

สาเหตุการเพิ่มขึ้นของหนี้ทั่วโลกที่ติดสปีดอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่เผชิญกับ ‘วิกฤติการปรับตัวครั้งใหญ่’ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากนโยบายการเงินที่แข็งกร้าว หลังธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ โดยอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้นมาเร็วและแรงตลอดช่วงปีเศษๆ ที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนการชำระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

รายงานของไอไอเอฟ ยังระบุด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นสูงนี้ อาจกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน และอาจส่งผลให้ ‘บริษัทซอมบี้’ (Zombie Firms) หรือบริษัทที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่สามารถสร้างกำไรได้ มีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยปรากฏการณ์ Zombie Firms ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ หากบริษัทนั้นไม่มีศักยภาพในการสร้างกำไร ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐราว 14% ที่เข้าข่ายดังกล่าวแล้ว 

นอกจากนี้ ควรต้องติดตามภาระหนี้สินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วย โดยข้อมูลของไอไอเอฟล่าสุด ระบุว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ มีระดับหนี้สินเพิ่มขึ้นแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 3,300 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีประมาณ 250% โดยตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากระดับ 75 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 2,500 ล้านล้านบาท เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งประเทศที่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นสูงจนน่าจับตามอง คือ จีน, เม็กซิโก, บราซิล, อินเดีย และตุรกี

กลับมาที่ประเทศไทยเป็นที่รู้กันว่า ช่วงวิกฤติโควิด หนี้สินจากทุกภาคส่วนต่างเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหนี้สาธารณะที่ทะลุระดับ 60% ต่อจีดีพี แต่ที่น่าห่วงกว่า คือ หนี้ครัวเรือนที่สูงราว 90% ของจีดีพี และหนี้ส่วนนี้โดยมากเป็นหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค เมื่อวันก่อน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร เพิ่งออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า หนี้สินของกลุ่มเจนวาย มีความเสี่ยงสูงมากที่จะกลายเป็นเอ็นพีแอล ซึ่งมีมูลหนี้จำนวนมหาศาล ยิ่งดอกเบี้ยนโยบายในประเทศยังเป็น ‘ขาขึ้น’ เรายิ่งควรต้องติดตามดูแลปัญหาเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะหนี้ก้อนนี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้เช่นกัน แม้แต่สภาพัฒน์ยังออกมาเตือน!