ตลาด 'โซลาร์รูฟ' บูม  เสนาฯ รุก 'อีอีซี-เมืองรอง'

ตลาด 'โซลาร์รูฟ' บูม  เสนาฯ รุก 'อีอีซี-เมืองรอง'

ตลาด "โซลาร์รูฟ" บูม "เสนาดีเวลลอปเม้นท์ รุกหนัก "อีอีซี-เมืองรอง" ตอบโจทย์ลูกค้าช่วยลด "ค่าไฟแพง" รับเทรนด์ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน

กว่า 10 ปี ที่บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบโซลาร์เซลล์ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร เพื่อใช้ในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์ ได้รับประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นแหล่งพลังงานสะอาด ตอบโจทย์เทรนด์ลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันความต้องการติดตั้งโซลาร์เซลล์มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าไฟฟ้ามีการปรับขึ้น จึงทำให้ขยายบริการติดตั้งโซลาร์เซลล์มากขึ้น

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการหันมาทำธุรกิจโซลาร์ เกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หลายคนได้รับผลกระทบหนักรวมถึงลูกบ้านของเสนาด้วย ทำให้เห็นมุมมองที่จะลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ช่วยลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงพฤติกรรมของมนุษย์ด้วยการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ โดยติดตั้งโซลาร์เซลล์กับที่อยู่อาศัยในราคาจับต้องได้

ทั้งนี้ ได้ร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์ ศึกษาการทำบ้าน Green Smart Design ผ่านบ้านเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา เป็นโครงการแรก ซึ่งปัจจุบันโครงการของเสนาติดตั้งโซลาร์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (Solar Rooftop) ทุกโครงการตั้งแต่ปี 2558

สำหรับทิศทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติดตั้งโซลาร์ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีแนวโน้มมากขึ้น โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ ที่พักอาศัยในต่างจังหวัดและเขต EEC อาทิ จังหวัดชลบุรี สระบุรี (เขาใหญ่) ลพบุรี และอุดรธานี 

“ตลาดในพื้นที่ EEC มีศักยภาพมากขึ้น เนื่องจากภาคอุตสาหกรรม เริ่มกลับมาใช้กำลังการผลิตมากขึ้น" 

ประกอบกับการส่งเสริมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของภาครัฐมีการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลขยายลงทุนด้านสาธารณูปโภคการคมนาคม การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ซึ่งได้วางแผนการพัฒนาไปต่างจังหวัด โดยจะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่ศรีราชา จ.ชลบุรี รองรับนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่นิยมอยู่อาศัยในทำเลดังกล่าว และมองว่าโซนตะวันออกเป็นทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตสูง

ปัจจุบัน บริษัทฯ ติดตั้งโซลาร์บนหลังคาทุกโครงการ ทั้งบนหลังคาบ้านทุกหลังและคอนโดมิเนียมบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีบริษัท เสนา โซลาร์ เอเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจติดตั้ง ให้คำปรึกษา และการบริการหลังการขายครบวงจร โดยลูกบ้านไม่ต้องกู้เงินเพื่อขอติดโซลาร์เพิ่มเติม ขณะนี้มีบ้านที่ติดโซลาร์แล้ว 400 หลังคาเรือน หรือกว่า 1,000 กิโลวัตต์ ซึ่งเมื่อคำนวณ 10 ปี จะเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 16-63 ต้น และลดคาร์บอน 2-9 ตันต่อปี

นอกจากนี้ ยังรับภาระเพิ่มขึ้นในการปรับหม้อแปลงไฟฟ้าให้ลูกบ้าน 15% เพื่อให้ทุกบ้านเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนของรัฐที่เปิดรับซื้อไฟส่วนเกินเหลือใช้จากประชาชนอัตรารับซื้อ 2.20 บาทต่อหน่วย กำหนดเวลารับซื้อ 10 ปี ทำให้ลูกบ้านคุ้มทุนมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มความอุ่นใจกับบริการหลังการขายแจ้งซ่อมได้ 24 ชม. ผ่าน SENA 360 Application

“ลูกบ้านบางคนอยากให้ติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อเก็บไฟสะอาดใช้กลางคืน ซึ่งเราทำได้แต่จะบอกลูกค้าว่าต้นทุนยังสูงกว่า อยู่ระดับ 7 บาท จึงควรรอให้ราคาแบตเตอรี่ลงก่อน หรือถ้าค่าไฟขึ้นเร็วกว่านี้ค่อยติดแบตเตอรี่ ซึ่งหากวันนี้ติดโซลาร์ราคาค่าไฟจะอยู่ที่ 2.75 บาท คนมักคิดว่าจะคืนทุนกี่ปี จริงๆ ควรคิดว่าจะผลิตไฟได้กี่หน่วยมากกว่า สามารถเฉลี่ยค่าไฟหลวงที่ใช้เวลากลางคืนเฉลี่ยหล่วยละ 4-5 บาท”

นอกจากนี้ จุดมุ่งมั่นในการติดโซลาร์รูฟให้กับลูกบ้านคือ การทำให้ลูกบ้านใช้พลังงานในพฤติกรรมเดิมแต่การใช้พลังงานลดลง และจ่ายค่าไฟฟ้าที่ถูกลง เพราะหากใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์ของรัฐบาลเมื่อยิ่งใช้ไฟมากขึ้นจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มขึ้น ต่างจากการใช้ไฟสะอาด อีกทั้งลูกบ้านยังขายไฟคืนให้กับการไฟฟ้าได้ด้วย

ทั้งนี้ ธุรกิจโซลาร์เป็นตลาดที่เติบโต โดยเฉพาะสถานการณ์ค่าไฟแพงทำให้ทุกภาคส่วนสนใจ ซึ่งการติดตั้งใช้เวลา 7-10 ปี ก็คุ้มทุนและมีเวลารับประกัน 25 ปี โดยผลวิจัยแบ่งผู้ใช้ไฟเป็น 3 กลุ่มคือ

1.กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าสูง โดยบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์จะลดค่าไฟได้ 55% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป

2.กลุ่มที่ใช้ไฟปานกลาง ติดโซลาร์ ลดค่าไฟได้ 70% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป

3.กลุ่มที่ใช้ไฟน้อย ติดโซลาร์ลดค่าไฟได้ 90% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป

สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 ตั้งเป้ายอดขาย 18,242 ล้านบาท เป้าโอน 16,539 ล้านบาท รอรับรู้รายได้อีก 22,294 ล้านบาท ภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยธุรกิจหลักยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮมและอาคารชุด รวมถึงธุรกิจให้เช่า อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า อาคารสำนักงาน สนามกอล์ฟ ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจบริหารงานนิติบุคคล รับเหมาก่อสร้างที่พักอาศัย ซึ่งจะทุ่มงบลงทุนในธุรกิจใหม่กว่า 9,084 ล้านบาท