ตรวจชีพจรเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ | ธราธร รัตนนฤมิตศร

ตรวจชีพจรเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ | ธราธร รัตนนฤมิตศร

ในโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงข้อมูลที่ทันเวลาและถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญต่อการทำความเข้าใจสถานะของเศรษฐกิจของประเทศ

ท่ามกลางตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่มีอยู่มากมาย ซึ่งเผยแพร่ออกมาเป็นรายไตรมาสหรือรายปีมักมีความล่าช้าของเวลา (time lag) จึงมีความพยายามพัฒนาดัชนีชี้วัดที่แสดงผลข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้น

ดังเช่น ดัชนีเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (Weekly Economic Index) หรือ WEI ของสหรัฐ และ OECD Weekly Trackerhttps ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามความผันผวนทางเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ ที่ทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์

ธนาคารกลางแห่งนิวยอร์กได้พัฒนาดัชนีเศรษฐกิจรายสัปดาห์ (WEI) วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตัวชี้วัดที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อันเกิดจากการระบาดของโควิด-19

ขณะที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม เช่น GDP อัตราการว่างงาน และรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค มักใช้เวลานานเกินไปในการสะท้อนสถานะที่แท้จริงของเศรษฐกิจ

WEI เป็นดัชนีรวมที่ประกอบด้วยตัวบ่งชี้ความถี่สูงจำนวนสิบตัว ตัวชี้วัดเหล่านี้ครอบคลุมภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจ

เช่น การวัดพฤติกรรมผู้บริโภค จากข้อมูลดัชนียอดค้าปลีกและดัชนีผู้บริโภค การวัดสภาวะตลาดแรงงานจากข้อมูลการเรียกร้องประกันการว่างงานครั้งแรกและต่อเนื่อง

ตรวจชีพจรเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ | ธราธร รัตนนฤมิตศร

ดัชนีสมาคมพนักงานอเมริกันของการจ้างงานชั่วคราวและตามสัญญา และข้อมูลภาษีหัก ณ ที่จ่ายของรัฐบาลกลาง การวัดการผลิตพิจารณาการผลิตเหล็กกล้า ข้อมูลการผลิตไฟฟ้า การวัดยอดขายเชื้อเพลิง และการจราจรทางรถไฟทั้งหมด

การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเหล่านี้ WEI แสดงภาพรวมของเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์

จุดแข็งสำคัญของ WEI คือความสามารถในการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเศรษฐกิจ ทำให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

เช่น ในช่วงการระบาดของโควิด-19 WEI สามารถแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้เร็วกว่าตัวชี้วัดแบบเดิมมาก ทำให้รัฐบาลปรับนโยบายการเงินและการคลังเพื่อจัดการกับวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

WEI ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะปราศจากอคติที่ส่งผลต่อตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลเรียลไทม์ และหลีกเลี่ยงตัวชี้วัดที่มาจากการสำรวจความเชื่อมั่น (sentiment-based indicators) ซึ่งมักจะวาดภาพที่ไม่ถูกต้องของภาวะทางเศรษฐกิจจริง

อย่างไรก็ตาม WEI ก็ยังคงมีข้อจำกัดเนื่องจากการมุ่งเน้นไปที่ความผันผวนในระยะสั้น อาจไม่สามารถใช้เป็นพื้นฐานเพียงอย่างเดียวสำหรับการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ตรวจชีพจรเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์ | ธราธร รัตนนฤมิตศร

นอกจาก WEI แล้ว องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้พัฒนาตัวชี้วัดความถี่สูงมาใช้ตรวจสอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD เรียกว่า “OECD Weekly Tracker” ซึ่งใช้ประโยชน์จากข้อมูล Google Trends เป็นหลัก

OECD Weekly Tracker ใช้ข้อมูลจากชุดคำค้นที่สำคัญใน Google Trends เพื่อติดตามวิวัฒนาการของภาคเศรษฐกิจต่างๆ เช่น การค้าปลีก โรงแรม การขนส่ง และการผลิต

ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบการค้นหา นำเสนอตัวแปรที่ใกล้เคียงเรียลไทม์สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถเสริมข้อมูลที่ได้รับจากตัวบ่งชี้แบบดั้งเดิมอย่าง GDP ได้

OECD Weekly Tracker มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะทำให้สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

ผู้กำหนดนโยบายจึงสามารถคาดการณ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤติ

นอกจากนี้ เนื่องจากข้อมูล Google Trends ครอบคลุมในหลากหลายประเทศ OECD Weekly Tracker จึงเสนอมุมมองระดับโลกเกี่ยวกับกิจกรรมเศรษฐกิจ

จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับทำความเข้าใจการเชื่อมโยงของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศหนึ่งไปยังประเทศอื่นๆ

การใช้ข้อมูลดิจิทัลจากเสิร์ชเอนจินทำให้ OECD Weekly Tracker ไม่อ่อนไหวต่อความล่าช้าในการรายงานและการแก้ไข ที่ส่งผลกระทบต่อตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ซึ่งทำให้สามารถแสดงสถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจได้ทันท่วงทีและแม่นยำยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้ข้อมูล Google Trends ก็อาจมีจุดอ่อนบางประการ เนื่องจากพฤติกรรมการค้นหาอาจไม่ได้สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างถูกต้องเสมอไป

OECD Weekly Tracker ถือเป็นนวัตกรรมข้อมูลหนึ่งที่ช่วยเป็นส่วนเสริมด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริงเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศและโลก

นวัตกรรมการตรวจวัดชีพจรทางเศรษฐกิจในเวลาจริง หรืออย่างน้อยรายสัปดาห์อย่าง WEI และ OECD Weekly Tracker ได้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ธุรกิจ และนักลงทุน

ในขณะที่เศรษฐกิจยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ การจับชีพจรเศรษฐกิจตามเวลาจริง จะช่วยให้ผู้ดำเนินนโยบายและภาคธุรกิจสามารถก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น.