วิกฤติใหม่กำลังเริ่ม? SVB อาจไม่ใช่แบงก์สุดท้ายที่ปิดตัว

สัปดาห์ที่ผ่านมาดูจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่ดีนักสำหรับตลาดการเงินโลก เพราะแค่สัปดาห์เดียวมีธนาคารพาณิชย์ถึง 2 แห่งต้องปิดกิจการลง หนึ่งในนั้นคือ SVB ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของ ‘ระเบิดเวลา’ ลูกใหม่ที่จะนำไปสู่วิกฤติครั้งถัดไป
วิกฤติมักจะมาในรูปแบบใหม่ที่เราไม่คาดคิด แต่สำหรับวิกฤติครั้งใหม่ที่ ‘อาจจะ’ เกิดขึ้นในรอบนี้ เป็นอะไรที่ทุกคนพอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะโผล่ตรงจุดไหน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เราพอจะเห็น ‘ควันไฟ’ ของวิกฤติบ้างแล้วว่า ตรงไหนที่ควรต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสุด คือ การล้มลงของ SVB ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อกันว่า สถานการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงจนมาอยู่ที่ 4.5% ในปัจจุบัน โดยดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นแรง ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวขึ้นตามด้วย นั่นหมายความว่าราคาพันธบัตรดังกล่าวกำลังปรับตัวลดลง ซึ่งปกติแล้วทุกแบงก์มักจะเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร แน่นอนว่ารวมถึง SVB ด้วย
สัปดาห์ที่ผ่านมาดูจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่ดีนักสำหรับตลาดการเงินโลก เพราะแค่สัปดาห์เดียวมีธนาคารพาณิชย์ถึง 2 แห่งต้องปิดกิจการลง แม้สถานการณ์ทั้ง 2 แบงก์จะมีความแตกต่างกัน โดย Silvergate Bank ให้บริการด้านคริปโทเคอร์เรนซีเป็นหลัก ขณะที่ Silicon Valley Bank (SVB) เน้นปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจสตาร์ตอัป แต่สาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 แห่งต้องปิดกิจการลง เป็นผลจาก ‘วิกฤติความเชื่อมั่น’ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากแห่มาถอนเงินจนเกิดภาวะ Bank Run
เมื่อราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง SVB ที่ถือพันธบัตรเหล่านี้อยู่ย่อมต้องเผชิญกับการขาดทุน แต่ก็เป็นการขาดทุนทางบัญชีเท่านั้นถ้ายังไม่ได้ขายพันธบัตรเหล่านี้ออกไป และถ้า SVB ถือพันธบัตรดังกล่าวไปจนครบกำหนดผลขาดทุนเหล่านี้ย่อมจะหายไปเอง
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อ SVB ลดลง จึงพากันไปไถ่ถอนเงินฝากออกมา ทำให้ SVB เผชิญวิกฤติสภาพคล่อง ทั้งยังไม่สามารถเพิ่มทุนเพื่อดูแลปัญหาได้ ส่งผลให้ต้องเร่งเทขายพันธบัตรที่ถือไว้ออกมาแม้ว่าจะขาดทุน เนื่องจากต้องนำเงินไปคืนให้กับผู้ที่มาถอนเงิน กลายเป็นว่าเมื่อคนรู้ปัญหาก็ยิ่งพากันมาไถ่ถอนจนเกิด Bank Run สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงจนทำให้ทางการสหรัฐต้องสั่งปิดกิจการก่อนที่ปัญหาทั้งหมดจะบานปลายออกไปมากกว่านี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ SVB ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเฝ้าจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากทางการสหรัฐยังไม่สามารถจัดการกับวิกฤติความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อสถาบันการเงินเอาไว้ได้ ปัญหาดังกล่าวคงไม่จบแค่การปิดกิจการของ SVB ในขณะที่ดอกเบี้ยเฟดยังมีแนวโน้มว่าจะขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นการล้มลงของ SVB อาจเป็นสัญญาณเตือนของ ‘ระเบิดเวลา’ ลูกใหม่ที่จะนำไปสู่วิกฤติครั้งถัดไปก็เป็นได้!