นายกฯ ไฟเขียวรับซื้อไฟสะอาดอีกกว่า 3 พันเมกะวัตต์

นายกฯ ไฟเขียวรับซื้อไฟสะอาดอีกกว่า 3 พันเมกะวัตต์

“กพช.” ไฟเขียวรับซื้อพลังงานสะอาดอีกกว่า 3 พันเมกะวัตต์ เพิ่มจากรอบแรกกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ย้ำ เปิดโอกาศให้เอกชนทั้งรายเก่า-ใหม่ยืนขายไฟตามเงือนไข กกพ. ยันช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าประชาชนได้ 1 พันล้านบาท ในปี 73 

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมกพช. เห็นชอบแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2573 (ปรับปรุงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2)

ทั้งนี้ ให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดหรือพลังงานทดแทนมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้มีไฟฟ้าพลังงานทดแทน 9,996 เมกะวัตต์ ให้ปรับขึ้นเป็น 12,700 เมกะวัตต์ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนดังกล่าว จะเพิ่มจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม), พลังงานลม, ไบโอแก๊ส และขยะอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ จากการที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้รวบรวมโรงไฟฟ้าที่ไม่สามารถผลิตได้ตามแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 เช่น ไฟฟ้าจาก สปป. ลาว ที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้ทันในปี 2571 และรวบรวมทั้งในส่วนที่ผลิตเข้าระบบไม่ทันตามแผน PDP และที่ กพช. เห็นชอบให้รับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นดังกล่าว เพื่อนำมาเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่เพิ่งเปิดรับซื้ออยู่ 5,203 เมกะวัตต์ ในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าประเภทไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565

ทั้งนี้ การเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น 3,668.5 เมกะวัตต์ นั้น จะมาจากโซลาร์ฟาร์ม 2,632 เมกะวัตต์ จากรอบแรกที่รับซื้อ 2,368 เมกะวัตต์, พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ จากรอบแรกรับซื้อ 1,500 เมกะวัตต์, ก๊าซชีวภาพ 6.5 เมกะวัตต์ รอบแรกไม่มีผู้ผ่านคุณสมบัติ และขยะอุตสาหกรรม 100 เมกะวัตต์ จากรอบแรกเปิดรับ 200 เมกะวัตต์ แต่มียอดรับซื้อที่ 100 เมกะวัตต์ จึงจะเพิ่มอีก 30 เมกะวัตต์ รวมเป็น 130 เมกะวัตต์ 

ในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มครั้งนี้ จะเป็นการเปิดต่อเนื่องหลังจากเสร็จสิ้นการเปิดรับซื้อรอบแรกที่ 5,203 เมกะวัตต์ โดยใช้ระเบียบเดียวกันของ กกพ. ในการรับซื้อไฟฟ้า (ในรูปแบบสัญญา Non-Firm โดยมีอายุสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 -25 ปี) ส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานจะยังไม่มีการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการผลิตไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทดสอบคาดว่าจะสามารถจัดหาได้ครบตามเป้าหมายแล้ว

ทั้งนี้ การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนตามระเบียบเดิมของ กกพ. จะทำให้เกิดการรับซื้อไฟฟ้าได้ต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้น เพื่อตอบสนองเป้าหมายรัฐบาลที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และการปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emission) ภายในปี 2608 รวมทั้งเพิ่มพลังงานทดแทนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดย กพช.มอบหมายให้ กกพ.ไปดำเนินการเปิดรับซื้อตามขั้นตอนต่อไป

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การรับซื้อไฟฟ้าสะอาดที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยลดแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงจากการต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่าย (AP) ไฟฟ้าลงได้ ดังนั้นกระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะไม่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นแน่นอน และยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้ 1,000 ล้านบาท ในปี 2573 ของแผน PDP 2018 ด้วย เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดถูกกว่าฟอสซิล

“ที่ผ่านมาผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดสนใจเสนอขายไฟฟ้าเข้ามากว่า 17,000 เมกะวัตต์ จากที่เปิดรับซื้อเพียง 5,203 เมกะวัตต์ ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์พลังงานสะอาดของประเทศ กพช.จึงได้เห็นชอบให้รับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น โดยจะไม่ทำให้ค่าไฟฟ้าประชาชนแพงขึ้นแต่อย่างใด และยังช่วยให้ไทยก้าวไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality)ภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วย” นายวัฒนพงษ์ กล่าว

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. กล่าวว่า ในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่นี้ บอร์ดกกพ.จะพิจารณาเงื่อนไขหลักเกณฑ์ตามมติกพช. ซึ่งจะต้องรอมติที่ชัดเจนอีกครั้งเพื่อดำเนินตามกรอบ กฎระเบียบอย่างรอบด้าน โดยการเปิดยื่นซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนครั้งนี้ สำนักงานกกพ.จะขึ้นประกาศบนเว็บไซต์สำนักงาน ส่วนระยะเวลานั้นยังสรุปไม่ได้ตอนนี้ต้องผ่านการพิจารณาของบอร์ดก่อน

“การเปิดรอบใหม่นี้เป็นการเปิดให้ผู้สนใจทุกรายได้ยื่นเอกสารตามขั้นตอน ทั้งรายใหม่รายเก่าที่เคยยื่นมาแล้ว บางรายที่ตกไปขาดเอกสารนิดหน่อยเราได้แจ้งไปแล้ว ซึ่งหากครั้งนี้มีการเตรียมพร้อมมาครบถ้วนและมั่นใจว่าคุณสมบัติครบตรงตามประกาศก็ให้ยื่นตามกำหนดและขั้นตอน ซึ่งจะต้องรอการพิจารณาและประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในอีกไม่นานนี้” นายคมกฤช กล่าว

ส่วนการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนพ.ค.-ส.ค.2565 อยู่ระหว่างการพิจารณา จะต่ำกว่าหน่วยละ 5 บาทแน่นอน ซึ่งวันที่ 10-20 มี.ค. 2566 จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุม กกพ. พิจารณาในวันที่ 22 มี.ค. ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการช่วงต้นเดือนเม.ย.2566 ให้ทันการบังคับใช้ในเดือนพ.ค.2566 โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ กกพ. คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อประชาชน และขอให้รับฟังความคิดเห็นครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะขณะนี้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นต้นทุนเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับลดลงแล้ว