ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 2.88 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดบ.ทุบศก.ฉุดดีมานด์ร่วง

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วง 2.88 ดอลล์ ผวาเฟดขึ้นดบ.ทุบศก.ฉุดดีมานด์ร่วง

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันอังคาร(7มี.ค.)ปรับตัวลง 2.88 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ลบ  2.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักมากกว่า 50% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 54.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 45.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลในวันนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 68.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ และให้น้ำหนักเพียง 31.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง

"ข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เราก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"

"แม้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลง หลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล และไม่ราบรื่น" นายพาวเวลกล่าว และเสริมว่าภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดยังคงไม่สิ้นสุด และเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันถูกกดดันจากการที่จีนกำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ระดับ 5% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 5.5% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก