ท่องเที่ยวดี ผู้บริโภคเชื่อมั่น อย่าเพิ่งเบาใจโจทย์ใหญ่รออยู่

ท่องเที่ยวดี ผู้บริโภคเชื่อมั่น อย่าเพิ่งเบาใจโจทย์ใหญ่รออยู่

เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น ผลพวงจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาอีกครั้งหลังจีนเปิดประเทศ ราคาน้ำมันลดลง แต่ยังมีความท้าทาย ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นับเป็นข่าวน่ายินดีเมื่อศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ในเดือนม.ค. 2566 พบว่า ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 49.7 เป็น 51.7 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 เป็นต้นมา 

ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ เป็นผลพวงจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาอีกครั้งหลังจีนเปิดประเทศ ราคาน้ำมันลดลง แต่ยังมีความท้าทาย ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลเชิงลบด้านจิตวิทยา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

ด้านธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เผยรายงานวิจัยล่าสุดวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2566 คาดจีดีพีขยายตัว 3.7% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 2.7% ผลจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวหนุนหลักเป็นตัวหนุนหลักให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้สดใส

อีกหนึ่งมาตรวัดภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า ภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ในช่วงเดือนม.ค. และก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากระดับ 20% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว ประกอบกับการท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศที่สูงขึ้น ส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิตกลับมาคึกคักมากขึ้น คาดภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาสแรกปีนี้น่าจะเติบโตได้ดีที่ระดับ 10%

ได้ฟังข่าวดีบ้างค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็มีเสียงเตือนให้ต้องรับฟัง อย่างที่บอกว่าการขึ้นดอกเบี้ยยังคงเป็นยาขมที่หลายประเทศต้องเจอในปีนี้ 

ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่า ด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) อดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ใช้วิธีทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงตามทิศทางธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) แต่ควรกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ด้วย

ดร.ศุภชัยแนะนำให้หามาตรการกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อันนี้ต้องยอมรับเพราะเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม FDI เขามาแรงมาก ขณะที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียก็เชื่อมั่นอย่างมากว่า เทสลาของอีลอน มัสก์ ต้องมาลงทุนด้านอีวีและแบตเตอรี่อีวีในแดนอิเหนาแน่ๆ ทั้งสองกรณีเห็นได้ว่าเรื่องเศรษฐกิจประเทศไม่ใช่เรื่องที่ต้องมองกันแค่วันเดียว

วันนี้สถานการณ์รอบตัวดูผ่อนคลายขึ้นไม่ใช่เวลานิ่งนอนใจคิดว่าปัญหาแก้ได้แล้ว โจทย์ใหญ่รออยู่ข้างหน้าอีกมาก ทั้งการนำพาเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าและการแข่งขันในเวทีโลก ปี่กลองการเมืองเริ่มแล้ว หากคิดเรื่องหาเสียงต้องคิดเรื่องนโยบายเศรษฐกิจเอาไว้ให้ดี เพราะสมัยนี้ประชาชนเชื่อมั่นในฝีมือการบริหารเศรษฐกิจ