"พลังงาน" ขึ้นค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 25 สตางค์ต่อหน่วย จ่ายจริงหน่วยละ 4 บาท

"พลังงาน" ขึ้นค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 25 สตางค์ต่อหน่วย จ่ายจริงหน่วยละ 4 บาท

"รัฐบาล" ขึ้นค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง 24 สตางค์ต่อหน่วย แม้ต้องควักเงินอุดหนุน 7.5 พันล้านน ส่งผลให้ต้องจ่ายค่าไฟหน่วยละ 4 บาท ขณะที่ "กกพ." อ้างกฎหมายกดดัน "กบง." เคาะมีมติเลิกช่วย

แหล่งข่าวจาก คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน กล่าวถึง มติกบง. เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 ที่เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 สำหรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ซึ่งเรียกเก็บที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยกลุ่มเปราะบาง ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประมาณ 19.66 ล้านราย ประกอบด้วย จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ตั้งแต 1-150 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 92.04 สตางค์ต่อหน่วย และจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ตั้งแต่ 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 67.04 สตางค์ต่อหน่วย วงเงินช่วยเหลือประมาณ 7,500 ล้านบาทนั้น

ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวหากดูในรายละเอียดจะพบว่า มีการขึ้นค่าไฟในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟตั้งแต่ 151-300 หน่วยต่อเดือนอีก 25 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นเงินที่ต้องจ่ายราว 4 บาทต่อหน่วย จากเดิม 3.70 บาทต่อหน่วยเช่นเดียวกับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเสนอของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่เสนอต่อกบง. อีกทั้งยังยกเลิกส่วนลดค่าไฟ 15-75% เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วยด้วย เท่ากับว่ามาตรการช่วยเหลือค่าไฟของรัฐบาลครั้งนี้มีการปรับรูปแบบกลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่ 151-500 หน่วยต่อเดือน จะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มในงวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2566

สำหรับ มาตรการช่วยค่าไฟเดิมของงวดเดือนต.ค.-ธ.ค. 2565 ตรึงค่าไฟไว้ที่ 3.70 บาทต่อหน่วยต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ไฟกลุ่มเปราะบาง 1-300 หน่วย รวม 19.6 ล้านครัวเรือน ขณะที่กลุ่มใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วย มีจำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน ซึ่งมติกบง.ล่าสุด ตรึงค่าไฟให้กลุ่มเปราะบาง 0-150 หน่วยต่อเดือน เพียง 14.7 ล้านครัวเรือน ขณะที่กลุ่มใช้ตั้งแต่ 151-300 หน่วยต่อเดือน จำนวน 4.9 ล้านครัวเรือน ค่าไฟจะเพิ่มขึ้นโดยจ่าย 4 บาทต่อหน่วย ขณะที่กลุ่มที่ใช้ตั้งแต่ 301-500 หน่วย จำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน จะต้องจ่ายค่าไฟในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วยตามราคาปัจจุบัน

รายงานข่าวระบุว่า แนวทางการช่วยค่าไฟที่กบง.เคาะครั้งนี้คือแนวทางที่ 3 จาก 4 แนวทางที่กกพ.เสนอ ประกอบด้วย 1. ลดค่าไฟเช่นเดียวกับงวดต.ค.-ธ.ค. 2566 ใช้วงเงิน 9,700 ล้านบาท 2. ช่วยกลุ่ม150หน่วยแรกเท่าเดิมและปรับปรุงกลุ่ม151-500หน่วย วงเงิน 8,000 ล้านบาท 3.ช่วยเฉพาะ300หน่วยแรก วงเงิน 7,500 ล้านบาท และ 4.ช่วยครึ่งหนึ่งของกรณีศึกษา1 วงเงิน 4,800 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุของมติกบง. ที่ลดการช่วยเหลือค่าไฟให้กลุ่มเปราะบางและเลิกช่วยประชาชนที่ใช้ไฟไม่ถึง 500 หน่วยต่อเดือน ทั้งที่เป็นมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2565 นั้น สาเหตุมาจาก กกพ.มีความเห็นว่า แนวทางการช่วยเหลือค่าไฟกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่ต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือนตามข้อเสนอของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่เสนอให้เพิ่มการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยโดยไม่ผ่านกระบวนการแยกก๊าซของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ (bypass gas) แทนการจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ

 

โดย กกพ.เห็นว่า ตามกฎหมายไม่น่าจะสอดคล้องกับมติกพช. เพราะเป็นการลดต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติไปยังผู้ใช้ก๊าซฯ ทุกราย ไม่ได้เจาะจงกลุ่มเปราะบางโดยตรง แต่หากกบง. จะดำเนินการช่วยรูปแบบเดิมจะต้องเสนอกพช.ให้มีมติสั่งการกกพ.อีกครั้ง ซึ่งกกพ.ไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งเรื่องนี้กบง.ในส่วนของ กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พยายามคัดค้านแล้ว แต่กกพ.ยังยืนยันว่าตามกฎหมายทำไม่ได้

รายงานข่าวระบุว่า นอกจากจากความเห็นประเด็น bypass gas ของกกพ. ยังพบข้อจำกัดเรื่องงบประมาณเร่งด่วน เพราะเดิมกพช.ได้กำหนดให้ ปตท. สนับสนุนเงิน 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โรงแยกก๊าซธรรมชาติ 4,000 ล้านบาท และ bypass gas 2,000 ล้านบาท ขณะที่อีก 1,500 ล้านบาทกระทรวงพลังงานเสนอขอใช้จากงบกลาง 2566 แต่จากความเห็นกกพ.ที่ไม่สามารถได้เงินจากbypass gas 2,000 ล้านบาทได้ ทำให้กระทรวงพลังงานต้องเพิ่มวงเงินของบกลางเป็น 3,500 ล้านบาท ขณะที่งบกลางมีจำกัด ทำให้กระทรวงพลังงานค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้ 

"มติของกกพ.เกิดขึ้นวันที่ 18 ม.ค. 2566 ช่วงเช้า จากนั้นนำเข้ากบง.ช่วงเย็น หากกบง.ไม่เห็นชอบตามมติกกพ. และเลือกเสนอกพช. จะทำให้กระบวนการช่วยค่าไฟกลับไปเริ่มใหม่ และหากไม่เลือกตามแนวทางที่กกพ.เสนอ งบประมาณจะยิ่งเกิดปัญหา โดยกระทรวงพลังงานต้องการช่วยเหมือนเดิมคือ 1-500 หน่วย วงเงิน 9,700 ล้านบาท แต่งบกลางไม่พอเพราะต้องใช้สูงถึง 5,700 ล้านบาท เพราะปตท.ไม่สามารถนำเงินมาช่วยได้แล้ว เนื่องจากติดข้อกฎหมายตามที่กกพ.ตั้งข้อสังเกต"