"ทัวร์จีน" คืนชีพ! เร่งฟื้นบินเช่าเหมาลำ ลุ้นต่างชาติเที่ยวไทย 30 ล้านปี 66

"ทัวร์จีน" คืนชีพ! เร่งฟื้นบินเช่าเหมาลำ ลุ้นต่างชาติเที่ยวไทย 30 ล้านปี 66

หลังจากวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา “กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว” สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกประกาศเกี่ยวกับการอนุญาตให้ “บริษัทนำเที่ยว” เริ่มดำเนินการนำร่องการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ หรือ “กรุ๊ปทัวร์” สำหรับชาวจีนไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.2566

ทำให้บริษัทนำเที่ยวและบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agents : OTA) สามารถเตรียมการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย เพื่อให้บริการกรุ๊ปทัวร์ขาออกเที่ยวต่างประเทศ

ตามประกาศดังกล่าว มีจำนวน 20 ประเทศปลายทาง ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย กัมพูชา มัลดีฟส์ ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เคนยา แอฟริกาใต้ รัสเซีย สวิตเซอร์แลนด์ ฮังการี นิวซีแลนด์ ฟิจิ คิวบา และอาร์เจนตินา

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลจีนไฟเขียวให้บริษัทนำเที่ยวพา “กรุ๊ปทัวร์จีน” เดินทางออกนอกประเทศได้ นับเป็นข่าวดีอย่างมาก และเร็วกว่าที่คาดเอาไว้! ทำให้ผู้ประกอบการทัวร์เริ่มจัดเตรียมแพ็คเกจทัวร์มาขายและดึงพนักงานกลับมาทำงาน ด้าน “สายการบิน” ต่างๆ เริ่มกระจายขอทำการบิน “เที่ยวบินเช่าเหมาลำ” (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ทั้งนี้คาดการณ์ว่าเดือน มี.ค.นี้จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเที่ยวบินประจำและชาร์เตอร์ไฟลต์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวตามเป้าหมาย 5 ล้านคนในปี 2566

“จากรายชื่อ 20 ประเทศปลายทางแรกที่รัฐบาลจีนประกาศให้บริษัทนำเที่ยวพากรุ๊ปทัวร์ไปได้นั้น ยังไม่มีชื่อของญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ จึงมองว่าประเทศไทยจะได้อานิสงส์มากที่สุดในช่วงแรก รองลงมาคือสิงคโปร์และมาเลเซีย”

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ตอนนี้ ททท.กังวลเรื่องการฟื้นตัวของ “ฝั่งซัพพลาย” ภาคท่องเที่ยวไทยอย่างมาก! พอรัฐบาลจีนเปิดประเทศ มีการฟื้นเที่ยวบินมากขึ้นในเดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป ฝั่งซัพพลายจะพร้อมรองรับดีมานด์นักท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหน

“ทาง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา น่าจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร็วๆ นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านซัพพลาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนและฮ่องกง ส่วนวันที่ 6 ก.พ.นี้ ททท.จะมีการจัดงานต้อนรับกรุ๊ปทัวร์จีนที่เดินทางมาเป็นคณะแรกด้วย”

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนประกาศชื่อ “ประเทศไทย” เป็นลำดับที่ 1 จาก 20 ประเทศปลายทางข้างต้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก เป็นอันดับ 1 ในใจ...นัยยะอยู่ตรงนี้! หลังจากรัฐบาลไทยได้แสดงท่าทีที่ดี พร้อมต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน นับตั้งแต่การประชุมเอเปค 2022 เดือน พ.ย.2565 ไปจนถึงตอนรัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการเดินทาง ยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้า ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป

และจากการที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้ชาวจีนท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.2566 เป็นต้นไป ทำให้มั่นใจว่าในไตรมาสที่ 1 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเกินกว่าประเมินไว้เดิมที่ 3 แสนคน โดยขอให้ผ่านช่วงไตรมาสแรกไปก่อน ถึงจะกล้าพูดว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเกินกว่า 25 ล้านคน และสามารถไปได้ถึง 30 ล้านคนตามสมมติฐานของ ททท. ในกรณีดีที่สุดสำหรับปีนี้ได้หรือไม่

“แม้ตอนนี้จะมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อาจเร็วไปนิดที่จะฟันธงว่าตลอดปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาช่วยสนับสนุนให้ตัวเลขรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยไปถึง 30 ล้านคนได้หรือไม่ เพราะไตรมาสแรกยังไม่จบ แต่เมื่อไตรมาสแรกจบและได้เห็นตัวเลขแล้ว ในตอนนั้นน่าจะถึงเวลาที่พูดได้ชัดเจน จึงขอเวลา ททท.ทำการตลาดอีก 2 เดือน จากนั้นจะนำตัวเลขไปประเมินร่วมกับจำนวนเที่ยวบินที่กลับมา ทำให้เห็นภาพปลายปีนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีกลยุทธ์ใหม่ออกมาเสริมความมั่นใจเพิ่มเติม”

ธเนศวร์ กล่าวว่า ปี 2566-2567 จะเป็นปีที่มีความสำคัญมาก! เพราะตามเป้าหมายของ ททท. จะต้องฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวไทยสู่ปกติเหมือนปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด หลังจากเมื่อปี 2565 สามารถฟื้นตลาด “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เกินกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน และมั่นใจว่าในปี 2566 จะทำสำเร็จ ส่งผลให้ปี 2567 เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากของภาคท่องเที่ยวไทย ต้องจับตาดูว่าจะกลับสู่ภาวะปกติในรูปแบบไหน!

“กลยุทธ์ China is Back ของ ททท.ที่ดำเนินการอยู่ เห็นได้ชัดว่านอกเหนือจากการกลับมาของเที่ยวบินในลักษณะต่างๆ แล้ว ทั้งการเพิ่มเที่ยวบินปกติและการกลับมาของชาร์เตอร์ไฟลต์ มารองรับดีมานด์ที่สูงในตอนนี้ อีกเรื่องที่ดีใจคือรูปแบบการเดินทางของจีน เริ่มเข้ามาทางบกอย่างชัดเจนด้วย”

ชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวเสริมว่า ล่าสุดสายการบินต่างๆ ได้ติดต่อขอทำการบินแบบ “ชาร์เตอร์ไฟลต์” เข้าประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะจากเมืองที่มีการกลับมาทำการบินจำนวนมาก เช่น เซี่ยงไฮ้ และกว่างโจว

โดยต้นเดือน ก.พ.นี้ สายการบิน “สปริง แอร์ไลน์ส” จะทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อวัน แบ่งเป็น เส้นทางบินสู่กรุงเทพฯ 5 เที่ยวบินต่อวัน ภูเก็ต 1 เที่ยวบินต่อวัน และเชียงใหม่ 1 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสายการบินที่ทำเรื่องขอ “สลอต” (Slot) ทำการบินตามมา ส่วนพื้นที่ที่เที่ยวบินฟื้นตัวช้า ส่วนใหญ่เป็นทางตอนเหนือของจีน เช่น ปักกิ่ง เนื่องจาก “แอร์ไชน่า” (Air China) สายการบินแห่งชาติของจีนยังอยู่ระหว่างฟื้นเที่ยวบิน ทำให้บริษัทนำเที่ยวได้ประสานมายัง ททท. เพื่อเร่งฟื้นชาร์เตอร์ไฟลต์ขนนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองปักกิ่ง เฉิงตู และกว่างโจว มายังประเทศไทย

“ปกติชาร์เตอร์ไฟล์จะเข้ามาในช่วงที่มีดีมานด์สูงมากๆ ในไฮซีซัน เช่น เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน วันชาติจีน หรือช่วงปิดภาคเรียนตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค. แต่เนื่องจากปีนี้ทางจีนเพิ่งเปิดประเทศ เลยต้องมีชาร์เตอร์ไฟล์เข้ามาช่วย”

ส่วนตลาด “คาราวานรถยนต์” เห็นสัญญาณที่ดี จะเริ่มข้ามมากลุ่มแรก 7-8 คัน เป็นรูปแบบมาเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ โดยวิ่งจากเมืองคุนหมิง ผ่านด่านโม่ฮานของจีน และด่านบ่อเต็นของ สปป.ลาว ผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย เพื่อข้ามมาไทยในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา 14.00 น. โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ ททท.จะไปต้อนรับคณะนี้

“ททท.สำนักงานคุนหมิง วางแผนส่งเสริมการขายท่องเที่ยวทางบกในช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบคาราวานทางบกทั้งรถยนต์ 150-200 คัน และก็จะมีคาราวานรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เสริมทัพด้วยตลาดการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว”