วิชั่น ‘พรชัย’ นำทัพ ‘ดร.ซีบีดี’ ชิงผู้นำตลาดกัญชากัญชงทางการแพทย์อาเซียน

สลัดภาพนักการเงิน สู่การเป็นสตาร์ทอัพในวัยเก๋า สำหรับบทบาทใหม่สุดท้าทายของ "พรชัย ปัทมินทร" ที่ประกาศขับเคลื่อนอาณาจักร “ดร.ซีบีดี” สู่การเป็นผู้นำธุรกิจกัญชากัญชง และกระท่อมทางการแพทย์ระดับภูมิภาค เจาะยุทธศาสตร์ หมากรบผลักดันการเติบโตใน 3-5 ปี
ย้อนภาพไปช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา “กัญชา-กัญชง” และ “กระท่อม” กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความร้อนแรงมาก เนื่องจากภาครัฐได้ “ปลดล็อค” ออกจากบัญชียาเสพติด ไฟเขียวให้ผู้ประกอบการปลูก สกัด สู่การพัฒนาสินค้าและบริการได้
ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเห็นนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจเข้ามาชิงเค้กกันอย่างคึกคัก ทว่า เวลาผ่านไป เริ่มเห็น “ตัวจริง” ที่วางหมากรบเดินเกมกลยุทธ์เชิงรุกไม่กี่รายเท่านั้น และ “ดร.ซีบีดี” เป็นผู้ประกอบการที่ปักธงชัดเจน
กรุงเทพธุรกิจ คุยกับแม่ทัพใหญ่ พรชัย ปัทมินทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดร.ซีบีดี จำกัด ผู้ปลุกปั้นอาณาจักรธุรกิจกัญชากัญชง และกระท่อมด้วยยุทธศาสตร์ “Nutraceutical & Health Care” หวังครองบัลลังก์ “ผู้นำ” ระดับอาเซียน
พรชัย ปัทมินทร ฉายภาพช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้วางรากฐานธุรกิจกัญชา กัญชง และกระท่อมแบบครบวงจร คือตั้งแต่การวิจัย และพัฒนา ก่อนที่จะเริ่มการขอใบอนุญาติ บริษัท ดร. ซีบีดี คือบริษัทแบบบูรณาการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ เริ่มจากการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต มีการวิจัยและพัฒนา การสกัดสาร “ทีเอชซี-ซีบีดี” นำมาต่อยอดสู่การผลิตสินค้าและบริการเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค
โจทย์และเป้าหมายสำคัญของบริษัท คือการมุ่งนำสินค้าไปตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้าน “สุขภาพ” เพราะมองโลกความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในอนาคต “เทรนด์ใหญ่” หนีไม่พ้น ผู้คน “ป้องกัน” หรือ Preventive ไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยมากขึ้น ต่างจากอดีตที่เจ็บป่วยแล้วไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา รวมถึงแนวโน้มการนำสารสกัดทางธรรมชาติมาตอบสนองเรื่องสุขภาพหรือโภชนบำบัด(Nutraceutical)
ผู้ป่วยกลุ่มนี้ มีแนวทางรักษาอยู่ไม่กี่ทางเลือก เช่น รับประทานยาเคมีบำบัดต่อไป หรือมุ่งหาสารสกัดจาดธรรมชาติ เพื่อบรรเทา รักษาอาการให้ดีขึ้น หากผู้ผลิตมีสารสกัดธรรมชาติ ผลิตยาในราคาใกล้เคียงหรือ “ต่ำกว่า” เชื่อมั่นว่าจะแข่งขันในตลาดได้อย่างดี ภายใต้ “ผลลัพธ์” หรือประสิทธิภาพในการรักษาที่เป็นเลิศด้วย
นอกจากความต้องการหรือ Demand ตลาดเป็นโอกาสทอง อีกมิติ คือสิ่งที่บริษัทวางหมากรบทั้งเรื่องของโครงสร้าง ตลอดจนโมเดลทางธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย มองไกลถึงเวทีการค้าระดับภูมิภาค(Regional)ด้วย
เมื่อบริษัทได้รับใบอนุญาตครบทั้งการปลูก สกัด ผลิต ครอบครอง นำเข้า ตลอดจนใบอนุญาตเปิดคลินิกและศูนย์สุขภาพกัญชา ฯ จึงวางโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกัน ประกอบด้วย 5 เสาหลักสำคัญขับเคลื่อนการเติบโต เช่น ดร.ซีดีบี หัวใจสำคัญในการสร้างมาตรฐานการผลิตสินค้าที่เป็นที่ยอมรับ อนาคตจะมีทำสัดส่วนรายได้หลัก 70% ให้กับกลุ่ม
กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ปิดท้ายที่กลุ่มกระท่อม ซึ่งบริษัทมองเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญที่จะสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตด้วย เพราะฐานผู้บริโภคโลกมีไม่ต่ำกว่า 200 ล้านคน
ปัจจุบัน ดร.ซีบีดี มีสินค้าในพอร์ตโฟลิโอมากมาย ไม่ต่ำกว่า 50 รายการ และยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาออกสู่ตลาดเพิ่มเติม หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือสินค้ากระท่อม ที่จะนำ “ตำรับยาสมุนไพร” ของไทย ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่า ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมท้าชนกับผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ เพื่อสร้างสังเวียนแข่งขันให้กับแบรนด์ไทย สร้างโอกาสชนะ!
“เราต้องสร้างสังเวียนสู้เป็นของตัวเอง”
ตลาดไทยเป็น “ฐานทัพ” สำคัญของการริเริ่ม แต่บริษัทยังเตรียมคิกออฟส่งสินค้ากัญชากัญชง กระท่อมเพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั่วโลก ประเดิมประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ฯ สร้างยอดขายด้วย
“เป้าหมาย 3-5 ปี ต้องการให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 35-40% แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะโอกาสเข้ามามายังบริษัทต่อเนื่องทุกสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การปักธงต่างประเทศถือโอกาสในการเป็นผู้นำภูมิภาค ถ้าเราไม่เป็นตอนนี้บนโอกาสที่มี ไม่รู้จะเป็นตอนไหน จึงไม่ควรให้ประเทศอื่นชิงธง”
หลายปีที่ผ่านมา ดร.ซีบีดี ทุ่มเงินหลายร้อยล้าน วางรากฐานธุรกิจให้แกร่งพร้อมก้าวกระโดดคว้ามขุมทรัพย์พืชเศรษฐกิจ โดยเป้าหมายใหญ่บริษัทต้องการเป็นบริษัท Health Care และ Nutraceutical จากพืชกัญชากัญชง กระท่อม
“เรามุ่งเน้นพัฒนาองค์ความรู้บนเรื่องการใช้สารสกัดจากพืชกัญชากัญชง กระท่อมในทางการแพทย์และพัฒนาสูตรเพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ เวชสำอาง อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาสมุนไพร และสินค้าอุปโภคบริโภคตอบโจทย์ผู้บริโภค”
ภายใน 5ปี บริษัทยังมองการเติบโตของรายได้ที่มั่นคง มีเสถียรภาพด้วย โดยปี 2566 จะเป็นปีแรกที่การรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ จากนั้นต้องการเห็นรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 35% ต่อเนื่องในระยะ 5 ปี