โควิดมาท่องเที่ยวซบเซา โควิดเบาท่องเที่ยวบูม

โควิดมาท่องเที่ยวซบเซา โควิดเบาท่องเที่ยวบูม

เมื่อโควิดมาท่องเที่ยวซบเซา ครั้นโควิดเบาท่องเที่ยวก็บูม ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.3% จากปัจจัยหนุนโควิดคลี่คลาย ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวดันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 11 ล้านคน สร้างรายได้ทะลุ 5 แสนล้านบาท

สองสามวันนี้อากาศกรุงเทพฯ ค่อนข้างดีมีลมหนาวมาทักทาย จะมีไปสักกี่วันไม่รู้แต่มาดีกว่าไม่มา ประเทศไทยตอนบนหนาวหน่อย อากาศแบบนี้ขอให้ระวังสุขภาพให้ดีเดี๋ยวจะเป็นหวัด จะหวัดธรรมดา หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 ก็ไม่ดีทั้งนั้นใกล้ปีใหม่แล้วมาเจ็บไข้ได้ป่วยเดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก

เรื่องโควิดระบาดตอนนี้โลกจับตาไปที่จีน หนึ่งสัปดาห์แล้วที่รัฐบาลปักกิ่งเริ่มยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์อันเข้มงวด เลิกบังคับตรวจหาเชื้อ ผ่อนกฎกักตัวที่เคยทำให้ประชาชนหลายสิบล้านคนเครียดและทำลายเศรษฐกิจจีน แต่ความดีใจที่ทางการเลิกเข้มงวดคุมโควิดอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ประชาชนจีนเริ่มกังวลกันมากเพราะตัวเลขการติดเชื้อสูงขึ้น สัญญาณความโกลาหลคือประชาชนไปเข้าแถวยาวเหยียดรอหาหมอที่คลินิก ทั่วประเทศแห่ซื้อยาและซื้อข้าวของจำเป็นมาตุน 

นักวิเคราะห์จากยูเรเซียกรุ๊ปกล่าวว่า การที่จีนพยายามปกป้องประชาชนจากโควิดอย่างเข้มงวดมาตลอด อาจต้องแลกกับการที่คนจีนไม่มี “ภูมิคุ้มกันหมู่” อีกทั้งอัตราการฉีดวัคซีนในหมู่ผู้สูงอายุต่ำ ประเมินกันว่าภายในไม่กี่เดือนนี้จีนอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากถึง 1 ล้านคน บ้างก็ว่าอาจถึง 2 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ 5,235 คน ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลก

ข่าวโควิดในจีนทำให้นึกถึงช่วงแรกๆ ที่โควิดระบาดประชาชนทั่วโลกประสบกับความยากลำบากในการใช้ชีวิต ทั้งกลัวทั้งงง กรณีประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2563 มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 2563 ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สะสมประมาณ 1,000 คน นับจากวันแรกที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2563

ราวเดือน เม.ย.2564 โควิดสายพันธุ์เดลตาระบาดถึงแก่ชีวิตมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ไม่กี่เดือนต่อมา มีสายพันธุ์โอมิครอนที่เบากว่าเดลตา เพราะประชากรมีภูมิคุ้มกันหมู่กันมากแล้วทั้งด้วยการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อ

ปี 2565 นานาประเทศรวมทั้งประเทศไทยเริ่มใช้ชีวิตร่วมกับโควิด ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ และยุบ ศบค. ตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นมา

นี่คือภาพรวมโควิดฉบับย่อๆ ที่ชี้ให้เห็นความยากลำบากของคนไทยช่วงการระบาดใหญ่ ปีหน้าอาจจะมีข่าวดีองค์การอนามัยโลกเตรียมยกเลิกภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศต่อโรคโควิด-19   เนื่องจากประเมินว่าโรคได้ผ่านพ้นระยะที่อันตรายที่สุดไปแล้ว

เมื่อโควิดมาท่องเที่ยวซบเซา ครั้นโควิดเบาท่องเที่ยวก็บูม ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.3% จากปัจจัยหนุนโควิดคลี่คลาย ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวดันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 11 ล้านคน สร้างรายได้ทะลุ 5 แสนล้านบาท ปีหน้ามั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 22 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.1 ล้านล้านบาท

ทั้งหมดนี้ไม่ต้องยกความดีให้ใครนอกจากคนไทยด้วยกันที่เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับโควิดจากที่ไม่รู้อะไรเลยจนสามารถปรับตัวป้องกันตนเองและอยู่กับไวรัสได้ เจ็บเร็ว เรียนรู้เร็ว แข็งแกร่งเร็ว ช่วงปลายปีอย่างนี้อยากบอกว่า จงปรบมือให้กับตนเองแล้วเดินหน้าสู่ปี 2566 อย่างมั่นใจ ไม่มีอะไรจะยากไปกว่าโควิดอีกแล้ว