เคาะเพิ่ม 15 สมาร์ตซิตี้ ฟื้นฟูคุณภาพชีวิต 20 ล้านคน

เคาะเพิ่ม 15 สมาร์ตซิตี้ ฟื้นฟูคุณภาพชีวิต 20 ล้านคน

วันนี้ ผมอยากจะมาบอกข่าวดีกับเพื่อน ๆ ผู้อ่านทุกท่านว่า ขณะนี้ประเทศไทยของเรามีเมืองอัจฉริยะเพิ่มอีก 15 เมืองแล้วครับ

โดยเมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 2565) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2565 โดยมี นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และผม ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ที่นำผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ร่วมประชุมกับผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด

โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะที่มี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นประธาน โดยเฉพาะประเด็นการมอบตราสัญลักษณ์เพื่อรับรองการเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ 15 พื้นที่ใน 14 จังหวัด ประกอบด้วย นครระยอง เมืองอัจฉริยะและน่าอยู่ จังหวัดระยอง คันทรงโมเดล เมืองแห่งความสุขที่พึงประสงค์และสังคมแห่งการแบ่งปัน จังหวัดชลบุรี ซึ่งนับเป็น 2 พื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมืองอัจฉริยะจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โครงการพิษณุโลกนครอัจฉริยะอย่างยั่งยืน จังหวัดพิษณุโลก นครเชียงรายสู่เมืองอัจฉริยะ จังหวัดเชียงราย เมืองน่านสู่เมืองอัจฉริยะ จังหวัดน่าน โคราชเมืองอัจฉริยะ จังหวัดนครราชสีมา Smart City อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี กระบี่เมืองอัจฉริยะ จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงาสู่เมืองอัจฉริยะ จังหวัดพังงา Satun Smart City จังหวัดสตูล พัฒนาเทศบาลนครเกาะสมุย สู่เมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน จังหวัดสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่เมืองอัจฉริยะสีเขียว จังหวัดสงขลา ปัตตานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปัตตานี และ เมืองสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองเป็นเมืองอัจฉริยะรวม 30 พื้นที่ใน 23 จังหวัด ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกว่า 20 ล้านคน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการส่งเสริมการลงทุนสำหรับกิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ และกิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะจากบีโอไอ โดย 15 เมืองอัจฉริยะประเทศไทยที่ได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมวันนี้จะช่วยให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากภาคเอกชนมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท

ท่านประวิตร ยังได้กล่าวด้วยนะครับว่า ประเทศไทยเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลผ่านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีได้วางไว้

โดยการประชุมในวันนี้เพื่อรับทราบผลการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 กิจกรรมการพัฒนากำลังคนด้านเมืองอัจฉริยะ การสร้างกลไกการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการพิจารณาเพิ่มเมืองเพื่อเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน ทั้งนี้ ขอให้ทุกภาคบูรณาการการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะของประเทศ เนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติ และจะนำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของภาคประชาชน ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน