ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 200 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทดีดตัววันนี้

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 200 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทดีดตัววันนี้

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของเดือนต.ค. และเป็นวันแรกของไตรมาส 4

ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศไม่ได้ระบุถึงการประชุมที่จะมีขึ้นในวันนี้ของคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรายงานคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแต่อย่างใด โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมนัดพิเศษ ไม่ใช่การประชุมฉุกเฉิน หรือการประชุมนอกรอบ

เมื่อเวลา 19.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 213 จุด หรือ 0.74% สู่ระดับ 29,014 จุด

คาดว่าการซื้อขายในวันนี้จะได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
 

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง 500 จุดในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.ย. และเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 3 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย

สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า สถิติบ่งชี้ว่า เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี
 

นอกจากนี้ CFRA ชี้ว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยิ่งมีแนวโน้มดิ่งลงในเดือนก.ย. เนื่องจากนักลงทุนมักทำการเทขายหุ้นอย่างหนักในเดือนก.ย.และต.ค.ในปีเลือกตั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 4

เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์ พบว่า ร่วงลง 20.95% นับตั้งแต่ต้นปี 2565  ดิ่งลง 22.26% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2558

เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนี S&P 500 พบว่า ร่วงลง 24.77% นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ดิ่งลง 25.59% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563  ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552

เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนี Nasdaq พบว่า ร่วงลง 27.40% นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ดิ่งลง 34.77% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ ทำสถิติทรุดตัวลงในเดือนก.ย.หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2565  ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2552

อย่างไรก็ดี คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากปรากฎการณ์ “ซานต้า แรลลี่” ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471