IRPC - ถูกกกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ (23 ส.ค. 65)

IRPC - ถูกกกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ (23 ส.ค. 65)

เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ IRPC ใน 2H จะแย่ลงอย่างมากเนื่องจาก GRM ลดลง, spread ปิโตรเคมีลดลง, มีผลขาดทุนจากสต็อก และจะมีการปิดโรงกลั่นเพื่อทำ turnaround รอบใหญ่ 30 วันใน 4Q

เราคาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาอีกในปี 2022-24 ในขณะที่คาดว่า spread ของ HDPE  และ ABS จะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023 และของ PP จะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2024 เรายังคงคำแนะนำขาย โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.30 บาท

 

ธุรกิจปิโตรเลียม และปิโตรเคมีจะอ่อนแอลงใน 2H

คาดผลการดำเนินงานใน 2H จะแย่ลงจาก GRM ลดลง, spread ปิโตรเคมีลดลง, ขาดทุนจากสต็อก และปิดโรงกลั่นทำ turnaround 30 วันใน 4Q ทั้งนี้ป้องกันความเสี่ยงไว้ 35% ของผลผลิตน้ำมันดีเซลใน 1H แต่ลดลงเหลือเพียง 15% ใน 2H โดยบริษัทบันทึกขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงด้วยการกำหนด spread น้ำมันดีเซลล่วงหน้าที่ US$47/bbl เมื่อสิ้นงวด 2Q แต่หลังจากนั้น spread น้ำมันดีเซลล่วงหน้ากลับลงมาอยู่ที่ US$30-32/bbl อาจทำให้มีกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงใน 3Q ในขณะเดียวกัน GRM ลดลงมาอยู่ที่ US$6/bbl qtd ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาจากที่ US$113 ในเดือนมิถุนายนมาอยูที่ US$95 ในเดือนสิงหาคม บริษัทน่าจะขาดทุนจากสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่ใน 3Q นอกจากนี้ spread ของ PE, PP และ ABS ซึ่งคิดเป็น 78% ของกำลังการผลิตปิโตรเคมีรวมยังลดลงมาอยู่ที่ US$416/t, US$350/t และ US$742/t ใน 3Q คาดว่าจะขาดทุนจาก GIM ลดลงต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ US$10-11/bbl ใน 3Q

ปิโตรเคมีอยู่ในวัฏจักรขาลงไปจนถึงปี 2023-24

สองในสามของ EBITDA ของ EBITDA มาจากธุรกิจปิโตรเคมี โดยเฉพาะ HDPE, PP และ ABS โดย IRPC คาดว่า spread ใน 2H ของ HDPE จะลดลงเหลือ US$430-480 ของ PP จะลดลงเหลือ US$320-350 และของ ABS จะลดลงเหลือ US$780-830 ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ไม่มีกำไรเหลือแล้ว และอาจจะถึงกับขาดทุนด้วย (ในกรณีของ PP) เรายังคงคาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดในปี 2022-24 ในขณะที่คาดว่า spread ของ HDPE  และ ABS จะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023 และของ PP จะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2024 ทั้งนี้ ผู้ผลิตบางรายได้ปรับลดการผลิตลงเนื่องจากมีผลขาดทุน ถึงแม้ว่าการเดินเครื่องของโรงกลั่นทุกแห่งจะลดลงใน 2H แต่ IRPC จะได้รับผลกระทบมากกว่าเพราะต้องเผชิญกับภาวะที่ทั้งธุรกิจปิโตรเลียม และปิโตรเคมีอ่อนแอทั้งคู่ โดยคาดว่าอัตราการกลั่นของ IRPC จะลดลงเหลือ 91% ใน 3Q และเหลือเพียง 60% ใน 4Q เนื่องจากจะมีการปิดโรงกลั่นเพื่อทำ turnaround รอบใหญ่นาน 30 วัน

 

คงคำแนะนำ ขาย และประเมินราคาเป้าหมายที่ 3.30 บาท

ราคาเป้าหมายของเราที่ 3.30 บาท อิงจาก PBV ปี  FY22F ที่ 0.8x คิดเป็น PE ที่ 15.1x ทั้งนี้ เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ IRPC จะอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ฉุดราคาหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า