‘สหรัฐ-จีน’ ตึงเครียด! หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

‘สหรัฐ-จีน’ ตึงเครียด! หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

อุณหภูมิทางการเมืองระหว่างประเทศตึงเครียดขึ้นทันทีที่ “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เจ้าของฉายา “Crazy Nancy” หรือ “ยายตัวแสบ” เดินทางถึงไต้หวันเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (2 ส.ค.) ที่ผ่านมา ท่ามกลางการคัดค้านของรัฐบาลปักกิ่ง

โดยเธอถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐคนแรกในรอบ 25 ปี ที่เดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งแน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับจีน โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของผู้นำอันดับ 3 ของสหรัฐ เป็นการละเมิดหลักการ “จีนเดียว” หรือ “One China” และยังรุกล้ำอธิปไตยของจีน เพราะจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่

เมื่อโดนกระตุกหนวดมังกร จีนเลือกโต้กลับด้วยการประกาศซ้อมรบด้วยกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งทางน้ำและทางอากาศรอบเกาะไต้หวัน ตามด้วยมาตรการทางการค้า ระงับการนำเข้า-ส่งออกสินค้ากับไต้หวันทันทีรวมหลายพันรายการ

โดยสินค้าที่ถูกระงับนำเข้า เช่น ชา ส้ม ปลานานาชนิด รวมถึงขนมบิสกิต ขณะเดียวกันจีนระงับส่งออกทรายไปไต้หวันอย่างไม่มีกำหนด เรียกว่าตั้งใจบีบกล่องดวงใจของไต้หวัน เพราะทรายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตแผ่นซิลิคอน เวเฟอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต “ชิป” สินค้าเรือธงที่สร้างรายได้มหาศาลให้ไต้หวัน

แม้ว่าการตอบโต้ของจีนรอบนี้ไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่ประมาทไม่ได้สถานการณ์ยังสุ่มเสี่ยง เพราะจีนคงไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ อาจจะมีมาตรการอื่นๆ ตามออกมาอีก

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างจีน ไต้หวัน และสหรัฐ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่กำลังสร้างความปั่นป่วนไปทั้งโลก และสถานการณ์ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ เพราะดูแล้วยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ สองประเทศมหาอำนาจของโลกให้ร้อนระอุยิ่งขึ้นไปอีก

ในส่วนของไทยแม้ไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมมีผลต่อประเทศไทยทั้งทางบวกและทางลบอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยขณะนี้ที่กังวลกันมากที่สุด คือ ปัญหาชิปขาดแคลนจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องไปถึงการผลิตสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย

‘สหรัฐ-จีน’ ตึงเครียด! หุ้นไหน ‘ได้-เสีย’ ประโยชน์

โดยบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หลังนางแนนซี เพโลซี เดินทางออกจากไต้หวัน ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดลงไปได้บ้าง แต่ต้องติดตามต่อไปว่าจีนจะยกระดับมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมขึ้นอีกหรือไม่ โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อตลาดและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

หากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนจะส่งผลต่อเนื่องมาถึงเศรษฐกิจไทยด้วย กรอบการฟื้นตัวของดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ทีมกลยุทธ์ประเมินไว้ช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มีโอกาสจำกัดมากขึ้น

การลงทุนในระยะสั้น

ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับไต้หวัน เช่น DELTA มองเป็นจังหวะพิจารณาขายทำกำไร เนื่องจากอัพไซด์เทียบกับราคาเป้ากหมายเริ่มจำกัด

ควรเลี่ยงหุ้นกลุ่ม China Plays เช่น IVL, PTTGC, TOP, HANA และกลุ่มท่องเที่ยวไปก่อน ส่วนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต แนะนำ AMATA และ WHA

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำเก็งกำไร DELTA ประเมินว่าหลังเกิดข้อพิพาทขึ้น DELTA ไต้หวันจะส่งคำสั่งซื้อมาให้ DELTA ประเทศไทย

ส่วนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA, ROJNA, WHA จะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย ด้านกลุ่มขนมและอาหาร SNNP, TKN, CPF, TU, ASIAN จะได้รับคำสั่งซื้อจากจีนเพื่อทดแทนการนำเข้าจากไต้หวัน

 

การลงทุนในระยะกลางถึงยาว

สินค้าที่จีนต้องนำเข้าจากไต้หวันจำนวนมากๆ จะยิ่งมีความเสี่ยง แต่ไทยอาจขายได้เพิ่มขึ้น เช่น พลาสติก โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์มี IVL, PTTGC, PTL ส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพราะอาจเกิดภาวะ “ซัพพลาย ดิสรัปชั่น” ได้อีก

บล.เอเอสแอล แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่ม China Plays แต่ให้สะสมกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต แนะนำ AMATA, WHA และกลุ่มส่งออกอาหาร แนะนำ SNNP, RBF, JDF, CPF, TU