'ซิโนไทย' ลั่นโควิดคลี่คลายเริ่มดันงานก่อสร้าง คาดปีนี้รายได้โต 10%

'ซิโนไทย' ลั่นโควิดคลี่คลายเริ่มดันงานก่อสร้าง คาดปีนี้รายได้โต 10%

ซิโนไทยคาดปีนี้รายได้โต 10% หลังโควิดเริ่มคลี่คลายเข้าพื้นที่เริ่มงานก่อสร้างมากขึ้น คาดปีนี้กวาดงานใหม่ตามเป้า 4 หมื่นล้านบาท ดันมูลค่างานในมือทะลุ 1.1 แสนล้านบาท

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ โดยคาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโต 10% เทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 27,930 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้สามารถเข้าพื้นงานก่อสร้างในโครงการต่างๆ ได้มากขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด – 19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตามถึงแม้ภาพรวมรายได้จะเติบโต แต่ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10-20% นั้นส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรปีนี้

ขณะที่การขาดแคลนแรงงานก็เป็นอีกผลกระทบหนึ่งที่ต้องแก้ปัญหา ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามนำเข้าแรงงานต่างด้าว แต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐว่าจะผ่อนปรนได้มากน้อยแค่ไหนในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ทางบริษัทญ ยังแก้ปัญหาเรื่องแรงงานด้วยการนำเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งในอนาคตก็ต้องเพิ่มเครื่องจักร และการเปิดทำงานล่วงเวลา เพื่อชดเชยการขาดแคลนแรงงาน

ส่วนการประมูลงานในปีนี้ทั้งงานส่วนของภาครัฐ และเอกชน ปัจจุบันมีงานที่บริษัทฯ ชนะการประมูลและได้ลงนามในสัญญางานก่อสร้างเข้ามาเพิ่มแล้วรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถลงนามในสัญญางานใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog ราว 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่อง 4 ปี ระหว่างปี 2566-2570 และจากBacklog ที่มีอยู่ในจำนวนมากนี้ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตมากกว่าปีนี้

สำหรับทิศทางการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) ในปี 2566 ของภาครัฐนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องติดตามการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล ซึ่งการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่อาจจะส่งผลต่อการประกวดราคาโครงการให้ล่าช้าออกไปบ้าง แต่เชื่อว่ารัฐยังคงต้องใช้เรื่องการลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนเชื่อว่ามูลค่าโครงการที่ภาครัฐจะออกมาประกวดราคาในปีหน้าจะไม่น้อยไปกว่าปีนี้ และโดยปกติภาครัฐจะประกาศลงทุนอยู่ในระดับ 5-6 แสนล้านบาทต่อปี