1ปี "คาร์บอนมาร์เก็ตคลับ" กระตุ้นยอดซื้อขายคาร์บอนเครดิตพุ่ง

1ปี "คาร์บอนมาร์เก็ตคลับ" กระตุ้นยอดซื้อขายคาร์บอนเครดิตพุ่ง

Carbon Markets Club ครบรอบ 1 ปี ช่วยกระตุ้นยอดซื้อขายตลาดคาร์บอนเครดิต 95% ของตลาดในประเทศสมาชิกเพิ่ม 3 เท่าตัว

กลุ่มบางจากฯ รายงานว่า การก่อตั้ง Carbon Markets Club (CMC) ร่วมกับพันธมิตรรวม 11 องค์กร เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2564 ได้ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคึกคักในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยทั้งระบบ TVER และ REC โดยยอดขายผ่าน CMC ภายในครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็นยอดรวมใกล้เคียงกับยอดขายในตลาดตลอดปี 2564 สะท้อนกระแสตื่นตัวในการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยกลไกคาร์บอนเครดิต ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาด พร้อมเชิญชวนหน่วยงานและผู้สนใจร่วมเป็นสมาชิกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ เปิดเผยว่า “แนวโน้มความสนใจการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศนั้นขยับตัวสูงขึ้นอย่างน่าจับตา เป็นที่น่ายินดีที่หลังจากก่อตั้ง CMC มาครบ 1 ปี มีรายงานยอดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVER และยอดขายใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate - REC) ผ่าน CMC ณ เดือนกรกฎาคม 2565 คือ TVER 218,167 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ REC 127,934 MWh หรือคิดเป็นปริมาณเทียบเท่ารวมประมาณ 277,017 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือคิดเป็นประมาณการปลูกต้นไม้ที่มีอายุ 10 ปี กว่า 32 ล้านต้น ใกล้เคียงกับตัวเลขซื้อขาย TVER ที่มีการรายงานตลอดทั้งปีในปี 2564 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความสนใจการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่สูงขึ้น เป็นผลดีกับตลาดในประเทศไทย ที่ข้อมูลในปัจจุบันบ่งชี้ว่ามีอุปทานมากกว่าอุปสงค์อยู่หลายเท่าตัว

โดยในครี่งปีแรกของปี 2565 นี้ ยอดซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVER คิดเป็นร้อยละ 95 ของยอดที่มีการชดเชยและรายงานโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในขณะที่ยอดขาย REC ซึ่งมีการรายงานตัวเลขเป็นรายปีนั้น เมื่อปี 2564 มีอัตราการซื้อขาย REC ผ่าน CMC คิดเป็นร้อยละ 27 ของยอดซื้อขายทั้งหมด” 

CMC เป็นการรวมตัวของผู้ที่สนับสนุนการใช้ชีวิตและทำธุรกิจตามแนวทางคาร์บอนต่ำในลักษณะชมรม ต้อนรับสมาชิกทั้งประเภทองค์กรและบุคคล ไม่มีการเก็บค่าสมาชิกรายปี โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ๆ 2 อย่าง คือการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการชดเชยคาร์บอน และทำหน้าที่เป็นตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต

ปัจจุบัน CMC มีจำนวนสมาชิก 40 ราย (ประเภทนิติบุคคล 28 รายและประเภทบุคคล 12 ราย) และมีแผนจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง เช่น Online Webinar เป็นประจำทุกเดือน ครอบคลุมหัวข้อที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและนอกประเทศ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เข้าร่วมฟังสัมมนา เช่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ร่วมกับ Enterprise Singapore เชิญบริษัทต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์มาร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับ climate change และการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และมีการใช้สื่อเช่นเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และไลน์กลุ่มสำหรับสมาชิกเพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบทความรายเดือนในซีรี่ส์ “The Road to Decarbonization” โดย ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมชั้นแนวหน้าของประเทศ พร้อมทั้งบทความจากบริษัทสมาชิกจากหลากหลายธุรกิจ

 สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากโครงการของไทยในตลาดคาร์บอนภายในประเทศนั้น ปัจจุบันยังมีปริมาณไม่มากนัก เพราะตลาดคาร์บอนของไทยเป็นตลาดภาคสมัครใจ มีขนาดเล็ก มีอัตราเติบโตเฉลี่ยตามข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 8.5 ต่อปี รวมถึงอัตราการตระหนักรู้ของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความสำคัญของการซื้อขายคาร์บอนเครดิตก็ยังมีค่อนข้างน้อย เป็นเหตุผลที่ CMC ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ การให้ข้อมูลข่าวสารผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และเชิญชวนให้องค์กรและประชาชนทั่วไปมาสมัครเป็นสมาชิกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 

นายชัยวัฒน์ กล่าวเสริมว่า CMC เป็น platform ที่รองรับทุก ๆ certification ไม่ว่าจะเป็น TVER หรือ REC รวมถึงรูปแบบอื่น ๆ ที่อาจจะมีขึ้น มาเสนอขายใน Marketplace ในเว็บไซต์ www.carbonmarketsclub.com เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาและเลือกซื้อ เป็นการสนับสนุนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศผ่านการซื้อขายคาร์บอนเครดิตโดย อบก. และแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิตของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอีกทางหนึ่ง ขอเชิญชวนมาร่วมเป็นสมาชิก CMC ทั้งประเภทองค์กรและบุคคล เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนเพื่อโลกเพื่อไปสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งนับเป็นความท้าทายของทุกคนร่วมกัน