'สนธิรัตน์' ชี้ ครม.เศรษฐกิจทำงานแยกส่วน หวั่น 8 เดือนสุดท้ายโหมประชานิยม

'สนธิรัตน์' ชี้ ครม.เศรษฐกิจทำงานแยกส่วน หวั่น 8 เดือนสุดท้ายโหมประชานิยม

“สนธิรัตน์” ห่วง 8 เดือนสุดท้ายรัฐบาล โหมหาเสียง – ประชานิยม อัด ครม.เศรษฐกิจทำงานแบบแยกส่วน แยกพรรค แยกกระทรวงแก้วิกฤต ไม่ได้แนะเร่งนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนสร้างเม็ดเงินลงทุน 1 แสนล้าน จ้างงานชุมชน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวในหัวข้อเศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร? ในงานสัมมนา Thailand Survival ไทย..จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก จัดโดย เครือเนชั่น นำโดย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และเนชั่นทีวี  วันนี้(1 ส.ค.) ว่าประเทศไทยเราเจอมาหลายวิกฤต และเศรษฐกิจเราไม่เคยขยายตัวได้เกิน 4% มาตั้งแต่ปี 2557 ถ้ามองระยะยาว ผู้บริหารประเทศต้องคิดว่าอะไรคือกับดักการเติบโตของเศรษฐกิจไทย เราเคยได้ถึง 4.1% ในปี 2561 แต่ก็ถูกกดดันจากหลายเรื่องจากปัญหาภายนอกและโควิด-19 จนเศรษฐกิจลงไปต่ำถึง -6.1% ขณะที่ปัจจุบันไทยยังเจอวิกฤตหลายด้านที่ต้องวางแผนในการรับมือ โดยรัฐบาลต้องยอมรับว่าเราจะเจอวิกฤตใหญ่ก่อนถึงจะนำไปสู่การวางแผนในการแก้ไขปัญหา และรับมือ และถ้าเราแก้ปัญหาปัจจุบันไม่ได้ ก็จะแก้ปัญหาในอนาคตไม่ได้

ดังนั้นเราต้องฝากความหวังไว้กับ 8 เดือนสุดท้ายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อรักษาโอกาสการแข่งขันของประเทศ และสถานะของประเทศในระยะยาว แต่ในช่วงเวลา 8 เดือนสุดท้ายก็ค่อนข้างที่กังวลเรื่องโครงสร้างการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล 

“รัฐบาลนี้มี ครม.เศรษฐกิจแยกส่วน แต่ขณะนี้วิกฤตชาติใหญ่เกินกว่าจะมองแค่เฉพาะพรรค ใหญ่เกินกว่าจะมองเฉพาะกระทรวง ผ่านมา 3 ปีครึ่งผมยังไม่เห็นการทำงานแบบวอร์รูมเกาะติดแบบบูรณาการ เชิงทำงานในแบบแนวคิดและเกาะติดที่จะแก้ปัญหาเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศแบบจริงจัง

และที่ห่วงอย่างยิ่งก็คือ 8 เดือนนี้ใกล้เลือกตั้ง กังวลใจว่าจะเป็นการบริหารเชิงหาเสียง เชิงประชานิยม ที่จะซ้ำเติมประเทศไทยมากขึ้น” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้โอกาสของเศรษฐกิจไทยอยู่ในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน รักษาเศรษฐกิจชุมชน รักษาการจ้างงาน เอสเอ็มอี การรักษาการจ้างงานชุมชน จึงควรมีการเร่งเรื่องของโรงไฟฟ้าชุมชน จะมีการลงทุนเป็นแสนล้านบาท โดยรัฐไม่ต้องควักเงินเอง และช่วยเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนดังนั้นมาตรการนี้ต้องมีการผลักดันออกมาโดยเร็ว

รวมทั้งการผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเพื่อแก้ปัญหาในช่วงราคาพลังงานแพง และลดการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี รวมทั้งลดสัดส่วนการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าควบคู่กันไปด้วย 

"ในการแก้ปัญหาระยะสั้น วันนี้ต้องรักษาความเข้มแข็งภายในให้ได้ อย่าให้ล้มหายตายจาก ต้องรักษาความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในทั้งภาคท่องเที่ยว เอสเอ็มอี และภาคเกษตร ไว้ไม่ให้ล้มหายตายจาก ไม่เช่นนั้นสร้างกลับมาใหม่ได้ยาก ” นายสนธิรัตน์ กล่าว