Zipmex ยัน ขอพักชำระหนี้ไม่ใช่ล้มละลาย - กระทบนักลงทุนไทยใน ZipUp+

Zipmex ยัน ขอพักชำระหนี้ไม่ใช่ล้มละลาย - กระทบนักลงทุนไทยใน ZipUp+

Zipmex ยัน ขอพักชำระหนี้ไม่ใช่การล้มละลาย กระทบนักลงทุนไทยใน ZipUp+ ของ Zipmex สิงคโปร์ เผย ก.ล.ต. ทราบถึงผลิตภัณฑ์ Zipup+ ตั้งแต่ต้น 'เอกลาภ' ตอบ 5 ประเด็นปัญหา - เร่งเยียวยาผู้เสียหาย เตรียมเปิดเทรด Z Wallet 5 เหรียญ ADA, SOL, XRP, BTC และ ETH ภายใน 2 สัปดาห์

นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Zipmex เปิดเผยว่า การยื่นขอพักชำระหนี้ (Moratorium) ของ Zipmex สิงคโปร์ ยืนยันว่าไม่ใช่การยื่นล้มละลาย แต่เป็นการยื่นขอพักชำระหนี้ต่อศาลสิงคโปร์ และบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป ซึ่งคำสั่งของศาลสิงคโปร์ไม่ได้มีผลกระทบในประเทศไทย และเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องยังมีสิทธิเช่นเดิม

แต่มีผลกระทบกับนักลงทุนไทยที่ลงทุนในผลิตภัณ์ ZipUp+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของซิปเม็กซ์ สิงคโปร์ โดยมีนักลงทุนไทยที่เป็นลูกค้า ZipUp+ จำนวน 6-7 หมื่นราย มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งหมดทั่วโลกกว่า 1.3 แสนราย จะไม่สามารถได้รับเงินคืนในระหว่างการพักชำระหนี้จากศาลสิงคโปร์ 

 

 

หากได้รับการอนุมัติดังกล่าวหลังวันที่ 15 ส.ค. 2565 ซิปเม็กซ์ต้องดำเนินการตามแผนการที่ได้วางไว้ เช่น การหานักลงทุนเข้ามาเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เพื่อนำเงินลงทุนมาชำระหนี้

นายเอกลาภ ชี้แจง 5 ประเด็นเพื่อไขข้อความสงสัย และสร้างความกระจ่างเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของข้อมูลที่ถูกบิดเบือนบนสื่อโซเชียลมีเดีย ตลอดจนเพื่อแสดงความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา ในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น 

ประเด็นที่ 1: ที่มาของปัญหา และรายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สืบเนื่องจากที่ทางบริษัท มีการ ‘ฝากเงิน’ ไว้กับบริษัท ที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ ได้แก่บริษัท เซลเซียส เน็ตเวิร์ก (Celsius Network) ซึ่งเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพคล่อง ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.2565 และประกาศล้มละลายในวันที่ 14 ก.ค. 2565 ทางบริษัท มีเงินฝากคงค้างอยู่กับ Celsius โดยประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 180 ล้านบาท

ทำให้บริษัทรีบตรวจสอบ ‘เงินฝาก’ ที่ทางบริษัทได้มีการฝากไว้กับคู่ค้าทางธุรกิจอีกราย ได้แก่ บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ซึ่งมีเงินฝากอยู่ราว 48 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.7 พันล้านบาท  ซึ่งในปัจจุบัน Babel Finance ยังคงดำเนินกิจการ และอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ

        ในส่วนของคำถามที่เกิดขึ้นว่าเหตุใด ซิปเม็กซ์จึงมีการนำเงินไปฝากกับสองบริษัท ทางบริษัทมีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคู่ค้าทางธุรกิจทุกรายอย่างละเอียด ซึ่งบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีผลประกอบการที่ดีในช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจมหภาค และความผันผวนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ในส่วนของสินทรัพย์ที่ทางบริษัท นำไปฝากกับ Babel Finance นั้น มีมูลค่าน้อยกว่า 5% จากสินทรัพย์ทั้งหมดของ Babel Finance

ประเด็นที่ 2 : กระบวนการยื่นขอพักชำระหนี้ หรือ Moratorium Relief ของ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) ประเทศสิงคโปร์

จากที่หลายๆ สื่อลงข่าว ว่า ซิปเม็กซ์มีการยื่นล้มละลายต่อศาล ข้อความดังกล่าว เป็นการรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากความจริง ทุกบริษัทในเครือของซิปเม็กซ์ ไม่มีการขอยื่นล้มละลายต่อศาลแต่อย่างใด

โดยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Moratorium หรือที่เรียกว่า การยื่นขอพักชำระหนี้ ที่ทางกลุ่มบริษัท Zipmex ได้ยื่นขอพักชำระหนี้ ต่อศาลสิงคโปร์ ถือเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายความที่ปรึกษา เพื่อช่วยลดผลกระทบในระยะสั้น และให้บริษัท สามารถมีระยะเวลาในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำ Due Diligence ของการระดมทุน 

ทั้งนี้ การยื่นต่อศาลสิงคโปร์ในครั้งนี้ ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัท ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ แต่อย่างใด เพียงแต่ทางบริษัท มีการชี้แจงหรือประกาศในเวบไซต์ของบริษัท แต่เพียงเท่านั้น เพื่อสร้างความโปร่งใสต่อการดำเนินงาน โดยกระบวนการดังกล่าวจะทำให้ ‘เจ้าหนี้’ ที่เกี่ยวข้อง มีสิทธิยื่นคำแถลงการณ์ภายในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565 โดย ซิปเม็กซ์ ประเทศสิงคโปร์ จะเป็นผู้นำส่งเอกสารต่อศาล ภายในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2565 และศาลประเทศสิงคโปร์ ได้มีการกำหนดนัดพิจารณาคำขอพักชำระหนี้ในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2565 นี้

ประเด็นที่ 3: การดำเนินการแก้ไขปัญหา 

ในขณะที่บริษัท กำลังประสานงานกับ  Bable Finance เพื่อให้ได้สินทรัพย์กลับมา และเร่งระดมทุนเพื่อนำเงินเข้ามาหมุนเวียนในบริษัท ขณะนี้ มีการหารือร่วมกับนักลงทุนหลายราย และได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง หรือ MOU ร่วมกับนักลงทุนที่มีความสนใจจริงๆ ทั้งหมด 2 ราย ตามที่ทางบริษัท ได้ออกแถลงการณ์ไปเบื้องต้น 

นอกจากนี้ ในส่วนของแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ZMT ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตาม Roadmap ให้มากที่สุด ตามที่บริษัทได้แจ้งกับลูกค้าทุกท่านไว้

ประเด็นที่ 4: การชี้แจงข้อมูลจากแถลงการณ์ผ่าน Facebook Live ของสำนักงาน ก.ล.ต.

            จากประเด็นบนสื่อโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นภายหลังจากการไลฟ์แถลงการณ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ทางบริษัท ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต. และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ อย่างเคร่งครัด ผ่านหน่วยงาน Compliance ของบริษัท ทั้งในแง่ของการประสาน และการขอคำปรึกษาจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในด้านต่างๆ ตลอดจนการออกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ ZipUp ในอดีต หรือ ZipUp+ ในปัจจุบัน 

นายเอกลาภ กล่าวว่า ซิปเม็กซ์ยืนยันความโปร่งใส และมีการพูดคุยกับ ก.ล.ต.มาโดยตลอด ซึ่ง ก.ล.ต. ทราบถึงผลิตภัณฑ์ Zipup+ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อกฎหมายในประเทศไทย แต่สามารถทำได้ในสิงคโปร์ โดยลูกค้าต้องยินยอมในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

ประเด็นที่ 5: ความคืบหน้าภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  

ทั้งนี้ ซิปเม็กซ์จะมีการทยอยเปิดให้บริการ Z Wallet โดยจะเป็นการเครดิตไปที่ Trade Wallet เริ่มจาก 5 เหรียญ ได้แก่ ADA, SOL, XRP, BTC และ ETH ภายใน 2 สัปดาห์นี้"

“เมื่อ 11 วันที่ผ่านมา ทางบริษัทเร่งดำเนินการทุกอย่าง ทั้งการเปิดเทรด ให้มีการฝาก ปีข้างหน้าถอนได้ปกติและมีเหรียญให้เปิดเทรดมากกว่าปกติ มีการทำ MOU การจัดตั้ง Hotline รวมทั้งมีการ ไลฟ์ชี้แจง โพสต์เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความโปร่งใส และเร่งดำเนินการเพื่อนำสินทรัพย์มาคืนลูกค้า” นายเอกลาภ กล่าว

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์