TLI คาดไตรมาส 2/65 ผลงานดี ธุรกิจระยะยาวแกร่ง

TLI คาดไตรมาส 2/65 ผลงานดี ธุรกิจระยะยาวแกร่ง

“ไทยประกันชีวิต” คาดไตรมาส 2 ปี 65 ผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง หลังช่วงที่ผ่านมาปรับกลยุทธ์ขายผลิตภัณฑ์ให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และคนไทยหันมาซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น วานนี้ (25 ก.ค.) ราคาหุ้นปิดที่ 15.90 บาท ต่ำไอพีโอที่ 16 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก (25 ก.ค.) เปิดที่ 16 บาท เท่ากับราคาขายไอพีโอ แต่ระหว่างวันราคาปรับตัวสูงสุด (New High) 16.30 บาท ก่อนเคลื่อนไหวมาปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 15.90 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.62% ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด (New Low) 

ขณะที่ เช้าวานนี้พบรายการซื้อขายหลักทรัพย์ในกระดานรายใหญ่ (Big lot) หุ้น TLI จำนวน 3,125,000 หุ้น มูลค่า 50 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ย 16 บาท

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ราคาหุ้น TLI มีความผันผวนหลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ซึ่งปรับตัวลงมาอยู่ที่ 15.90 บาท ซึ่งซื้อขายต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 16 บาท  

อย่างไรก็ตาม TLI มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Over-Allotment) หรือ กรีนชู จำนวน 161.63 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่ามีโอกาสใช้หุ้นส่วนเกินจำนวนนี้เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาหุ้นไม่ให้ปรับตัวลงไปมาก โดยมีเวลากำหนดไว้ 30 วัน หรือสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค. นี้ โดยจังหวะในการเข้าซื้อมองว่าอยู่ที่ระดับ 15.80-15.90 บาท จากราคาที่ใส่ไว้ไม่เกิน 16 บาท

“การจะใช้กรีนชูคงต้องดูสภาวะความเหมาะสมของตลาดฯ เป็นหลัก หากว่าตลาดฯ แย่ เราก็คงต้องปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกของตลาดฯ หากใส่เงินลงไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่หากว่าตลาดฯ กลับมาเคลื่อนไหว side way เราก็จะเข้าไปประคับประคองราคา ซึ่งกรอบราคาที่ใส่ไว้ คือ ไม่เกิน 16 บาท แต่อยากให้นักลงทุนมองที่พื้นฐานธุรกิจของ TLI ที่แข็งแกร่งมากกว่า โดยเฉพาะช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่โดดเด่น และ สร้างยอดขายได้ดี” 

สำหรับกรณีความเป็นไปได้ที่หุ้น TLI จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ด้วยวิธีการ Fast-Track นั้น ต้องมีมาร์เก็ตแคปเกิน 1% ของมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทย หรือคิดเป็นราคาหุ้นประมาณ 16.40 บาท หรือดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ วันถัดมาตลาดหลักทรัพย์จะทำการประกาศรายชื่อ และจะนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ใน 3 วันถัดไป แต่หากไม่ถึงเกณฑ์ตามที่กำหนด หุ้น TLI จะรอเข้าคำนวนในรอบถัดไปแทน   

นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท สะท้อนแผนการใช้เงินระดมทุนหลักๆ เพื่อใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยเน้นลงทุนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) 

รวมทั้งส่งเสริมการตลาดผ่านนวัตกรรมและ โซลูชันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการให้บริการและดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจรการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน 

“หุ้น TLI ซึ่งเป็นหุ้น IPO ในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้ไทยประกันชีวิตสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำ และ ดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งใจไว้” 

นายวิญญู ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 2 ปี 2565 มีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับการขายผลิตภัณฑ์ที่สามารถให้ผลตอบแทน (รีเทิร์น) ที่ดีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และไม่ได้การันตีผลตอบแทนให้กับลูกค้าเหมือนในอดีต รวมถึงขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มประกันเพื่อสุขภาพและประกันควบการลงทุน หรือ ยูนิตลิงค์ (Unit Linked) ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่ไม่อิงกับดอกเบี้ยให้เพิ่มมากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวให้มาร์จินในระดับที่สูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ระยะยาวทิศทางธุรกิจเติบโตดี เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่ง ดังนั้น จะยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะประเทศไทยในปัจจุบันกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับ คนไทยมีความสนใจในการซื้อประกันชีวิต และสุขภาพมากขึ้น

นางวรางค์ ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI เปิดเผยว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัทรวมมูลค่ามากกว่า 400,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุนเป็นหุ้นสามัญอยู่ที่เฉลี่ย 13% จากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 15% และ มีพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่มีเรตติ้งสูง ซึ่งในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนไว้ที่ 3-4%

สำหรับสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทได้มีการขายหุ้นต่างประเทศออกแล้วในช่วงต้นปีนี้ เพื่อปรับการลงทุนมาลงในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงถือเงินสดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน และ เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น