RBF ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ

RBF ประมาณการ 2Q65F: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ RBF ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 145 ล้านบาท (+21 YoY, -13% QoQ) โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 21% YoY เป็น 956 ล้านบาท จากการปรับขึ้นราคาขายสินค้า และยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มแป้งชุบทอด (+31% YoY)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย เราคาดว่ายอดขายจะลดลง QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจเครื่องดื่ม และวันหยุดยาวในเดือนเมษายน ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า GPM จะลดลงเล็กน้อย 10bps YoY และ 50bps QoQ เหลือ 37.4% เนื่องจากโครงสร้างยอดขายเปลี่ยนไป ในขณะที่คาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะทรงตัว QoQ แต่ลดลง 140bps YoY เหลือ 18.7% จากการประหยัดต่อขนาด และการที่สามารถประหยัดต้นทุนค่าขนส่งได้จากการย้ายการผลิตเพื่อป้อนคำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกไปที่โรงงานในต่างประเทศ (เวียดนาม และอินโดนีเซีย) เราคาดว่า RBF จะไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 2Q65F จากที่มีกำไร 13 ล้านบาทใน 1Q65

 

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ลง 10% และปี 2566F ลง 13%

ธุรกิจใหม่ของ RBF ที่เกี่ยวกับกัญชงมีแนวโน้มแผ่วลงหลังการเปิดเสรีกัญชง และกัญชา ซึ่งทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอุปสงค์ของสินค้าปลายน้ำ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มพากันเลื่อนวางจำหน่ายเครื่องดื่มกัญชงออกไปก่อน ดังนั้น เราจึงปรับลดสมมติฐานรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชงในปี 2565Fลง 88% เหลือ 50 ล้านบาท และปี 2566F ลง 75% เหลือ 200 ล้านบาท ส่งผลให้ประมาณการยอดขายปีนี้ลดลง 9% เหลือ 4.08 พันล้านาท และประมาณการยอดขายปี 2566F ลดลง 12% เหลือ 5.10 พันล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่าสัดส่วนยอดขายสินค้าในกลุ่มกัญชงที่มี margin สูงลดลง เราจึงปรับลดสมมติฐาน GPM ปีนี้ลง 110bps เหลือ 37.6% และปีหน้าลง 80bps เหลือ 38.3% แม้จะคาดว่า GPM ของแป้งชุบทอด
จะดีขึ้นจากการที่ RBF สามารถหาแหล่งซื้อวัตถุดิบแป้งสาลีได้ในราคาที่ถูกลงก็ตาม ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าการย้ายการผลิตไปยังโรงงานในต่างประเทศจะทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลง 50bps เหลือ 18.7% ในปี 2565F และ 18.5% ในปี 2566F ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ลง 10% เหลือ 634 ล้านบาท และปี 2566F ลง 13% เหลือ 815 ล้านบาท

 

 

 

 

Valuation & action

เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาแรงสะท้อนแนวโน้มที่แย่ลงของธุรกิจกัญชงไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ แนวโน้มธุรกิจเดิมของ RBF ดีขึ้นเนื่องจากแรงกดดันทางด้านต้นทุนลดลงแล้ว นอกจากนี้ ยังมี upside อีกจาก JV ใหม่ในตลาดอินเดียซึ่งเรายังไม่ได้รวมเข้าไว้ในประมาณการของเรา ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำ RBF จากขายเป็นถือ อย่างไรก็ตาม เราปรับลดราคาเป้าหมายลง โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566F ที่ 12.20 บาท จากเดิมที่ 14.00 บาท เนื่องจากเราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 13% และ de-rate PER จาก 40.0x เหลือ 30.0x อิงจาก PEG ที่ 1.0x (อัตราการเติบโต CAGR ของกำไรปรกติในปี 2565-66F)

 

Risks

ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น, ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น, เศรษฐกิจถดถอย