ส.อ.ท. หวั่นเศรษฐกิจถดถอยฉุดกำลังซื้อ

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 40 ปี สะท้อนจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 9.1% ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง 0.75-1%

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เกรียงไกร เธียรนุกุล ระบุ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ทำสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 40 ปี สะท้อนจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 9.1% ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง 0.75-1% ในการประชุมเดือน ก.ค.นี้ ทำให้กรอบอัตราดอกเบี้ยนโยบายขยายขึ้นจากเดิม 3.4% เป็น 4% ตลอดทั้งปี

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าส่งผลกระทบต่อค่าเงินในภูมิภาคอื่นๆ ในเอเชียรวมถึงค่าเงินบาทไทยที่อ่อนค่าลงแล้วประมาณ 7% ทำให้ทุกอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนทุกประเภท อาทิ เครื่องจักร ต้องประสบปัญหาสองเด้งคือซื้อในราคาแพงขึ้นจากค่าเงินบาทอ่อนค่าและภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น

แม้ว่าการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลดีกับผู้ส่งออกรวมถึงผู้นำเข้าที่มีตลาดในต่างประเทศ แต่กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบหนักคืออุตสาหกรรมที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบและมีตลาดหลักในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าควบคุมที่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้นได้ อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำให้ผู้ประกอบการต้องเลือกผลิตในปริมาณที่น้อยลงเพื่อลดปริมาณความสูญเสีย

สำหรับยอดการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของไทยตัวเลขยังขยายตัวได้ดี เฉลี่ยแล้วขยายตัวเกิน 10% โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดการณ์ว่าปี 2565 ยอดส่งออกของไทยจะโต 5-7% แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบกับผู้ส่งออกของไทยมากน้อยเพียงใด เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อที่ยังสูงขึ้น รวมทั้งสงครามยูเครนที่ยังยืดเยื้อและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงอาจทำให้เศรษฐกิจของโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

 

 

ห่วงแนวโน้มคำสั่งซื้อลดลง

ทั้งนี้ การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบและการออกมาตรกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาในประเทศ 6-10 ล้านคนตลอดทั้งปี จะช่วยเพิ่มความต้องการค่าเงินบาทและหน่วงราคาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยขณะนี้ ส.อ.ท.กำลังทำการสำรวจว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอย่างไรบ้าง รวมถึงปริมาณคำสั่งซื้อ ซึ่งหลายอุตสาหกรรมส่งออกให้ความเห็นว่าปริมาณคำสั่งซื้อเริ่มแผ่วลง ยกเว้นอุตสาหกรรมอาหารที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 ล้านล้านบาท อยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ มีแนวโน้มว่าสหรัฐจะดำเนินมาตรการลดกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อลดปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะทำให้ไทยเสียประโยชน์ จากเดิมในช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทำให้สหรัฐหันมาค้าขายกับไทยเพิ่มขึ้น ดังนั้นการลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนจะทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา