ตลท. ชี้ มาร์เก็ตแคป DR ไตรมาส2/65 โต 2 เท่า แตะ 1.15 หมื่นล้าน

ตลท. ชี้  มาร์เก็ตแคป DR ไตรมาส2/65 โต 2 เท่า แตะ 1.15 หมื่นล้าน

ตลท. เผย มาร์เก็ตแคป DR ไตรมาส2/65 แตะ 1.15 หมื่นล้าน โต 200% จากปีก่อน จากมีผู้ลงทุนเพิ่มขึ้น  ด้านกรุงไทย ส่ง DR อิงหุ้นจีนยักษ์ใหญ่ระดับโลก 2 บริษัท'เสียวหมี่-บีวายดี' เข้าเทรดวันนี้ 22 ก.ค. 65 เพิ่มทางเลือกนักลงทุน

 

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) เป็นทางเลือกของผู้ลงทุนไทยให้เข้าถึงการลงทุนในตลาดต่างประเทศผ่านตลาดหลัทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุน สะท้อนจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)ของ DR ในไตรมาส 2 ปี 2565 มีมูลค่ากว่า 1.15 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 200% จากปีก่อน และมีบัญชีผู้ใช้ราว 4.50 หมื่นบัญชี ซึ่งเพิ่ม 400% จากปีก่อน 

โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นพัธมิตรในการออกDRระดับโลก ที่ได้รับความสนใจอย่างดียิ่ง โดยครั้งนี้เป็นการเสนอขายครั้งแรก ผ่านระบบซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ แบบ Direct Listingโดยนักลงทุนสามารถเข้าไปซื้อขายได้ตลาดได้เลย และสามารถรับรู้ราคาในตลาดหลักทรัพย์ได้ทันที 

 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า บริษัทการเดินหน้าพัฒนาการลงทุนให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างครบวงจร อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ผ่านการซื้อขายบนแอปเป๋าตัง หุ้นนวัตกรรมแห่งอนาคต

โดยธนาคารกรุงไทยได้คัดเลือกหุ้นสามันที่อยู่ในตลาด HKEX ได้แก่ บริษัท เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (XIAOMI80) บริษัทที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูง และมียอดขายสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 3 ของโลก มีจำนวน191.2 ล้านเครื่อง และบริษัท บีวายดี จำกัด (BYDCOM80) บริษัทสัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้นำการผลิตรถยนตร์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่ระดับโลก ทั้งในตลาดจีน และตลาดต่างประเทศ 

นายวรงค์ วงศ์สินอุดม Head of capital market innovation ธนาคารกรุงไทย (จำกัด) มหาชนเปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยได้คัดเลือกหุ้นนวัตกรรมแห่งอนาคต มาเสนอขายแบบ  Direct Listing โดยนักลงทุนสามารถเข้าไปซื้อขายได้ตลาดได้เลย และมีราคาตามตลาดฮ่องกง ซึ่งสามารถลงทุนได้ง่าย ได้ทุกบล.และสามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 1 หน่วย โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของ DR ที่ธนาคารเป็นผู้ออก เพื่อนักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

สำหรับความน่าสนใจของ บริษัท เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น (XIAOMI80) เป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีปริมาณการขายอันดับต้น ๆ ของโลก รวมทั้งคนไทยมีความคุ้นชินในผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่ ซึ่งมีเทคโนโลยีในพัฒนาให้เชื่อมต่อกันในไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ 

ด้านบริษัท บีวายดี จำกัด (BYDCOM80) เป็นบริษัทที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง และในปี 2565 บริษัทมียอดขาย 6 เดือนมากกว่ายอดขายทั้งปี2564 จากกระบวนการผลิต เทคโนโลยีและผู้ร่วมลงทุนในบริษัทที่มีความน่าสนใจ

 โดยบริษัทประกอบธุรกิจผลิตแบตเตอรี่มายัง การผลิตรถโดยสาร สู่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีความครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้สามารถแก้ปัญหากระบวนการผลิตได้ไม่มีสะดุด ในสถานการณ์ที่ผู้ผลิตรายอื่นในตลาดประสบปัญหาขาดแคลนแบตเตอรี่ ซึ่งการที่สามารถเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่เองได้ ทำให้กระบวนการในการผลิตและพัฒนารถยนตร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมีนักลังทุนรายใหญ่อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เข้าลงทุนในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2551

นายธีรภัทร เมธานุเคราะห์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทยเอ็กซ์สปริง จำกัด เปิดเผยว่าหุ้น BYDCOM80 มีความน่าสนใจเนื่องจากแนวโน้มการใช้รถยนตร์ไฟฟ้าในจีนเพิ่มขึ้น จากการที่รัฐบาลจีนที่ตั้งเป้าให้ที่มีการใช้รถยนตร์ไฟฟ้าเป็นสัดส่วน 20%ของประเทศในปี  2566 และให้การสนับสนุนโดยการลดภาษีรถยนตร์ไฟฟ้า และให้เงินอุดหนุนผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมทั้งขยายเครื่อข่ายแท่นชาร์จไฟแบตเตอรี่มากที่สุดในโลกในขณะนี้  รวมทั้งคาดว่าตลาดรถยนตร์ไฟฟ้าจีนจะเติบโตขึ้น 24% ในปี 2566

โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีกำไร 3.8 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 795% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนั้นบริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี  ซึ่งครึ่งหนึ่งของรายได้มีสัดส่วนมาจากการขายรถยนตร์ไฟฟ้า ซึ่งปีนี้บริษัทได้ส่งมอบรถยนตร์ไฟฟ้าให้ลูกค้าแล้วจำนวน 6.4 แสนคัน เพิ่มขึ้น 300% จากปีก่อน และมากกว่าเทสล่าที่มีจำนวน 5.6 แสนคัน ทำให้บริษัทขึ้นแท่นผู้ผลิตรถไฟฟ้ามากที่สุดในโลก

บริษัทมีจุดแข็งจากการมีฐานการผลิตในประเทศจีน รวมทั้งมีซัพพลายเชนเป็นของตัวเองซึ่งการผลิตแบตเตอรี่นับเป็นต้นทุน 50% ของการผลิตรถยนตร์ไฟฟ้า ทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ต่ำกว่าบริษัทอื่นในตลาด