เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

"เซ็นทรัลพัฒนา” เขย่าตลาดที่อยู่อาศัย งัดจุดแข็ง “ศูนย์การค้า” แลนด์มาร์คต่อยอดธุรกิจชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง กางแผน 5 ปี อัดฉีด 4 หมื่นล้านลุยพัฒนาคอนโด-บ้าน ปูพรม 27 จังหวัด กว่า 50 โครงการ ยึด 3 กลยุทธ์ “ทำเลใจกลางเมือง-คุณภาพ-ซินเนอร์ยี”ดันรายได้โตเท่าตัว

กว่า 8 ปี ยักษ์ใหญ่ “เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเซ็นทรัล ซุ่มพัฒนา “ที่อยู่อาศัย” เสริมแกร่งและต่อจิ๊กซอว์อสังหาริมทรัพย์ครบวงจรจาก “ศูนย์การค้า” สู่ สำนักงาน โรงแรม และที่พักอาศัย เติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน  ล่าสุดได้ฤกษ์เปิดเกมรุกพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง พร้อมซินเนอร์ยีไปกับเรือธง “ศูนย์การค้า” ในเครือเซ็นทรัล

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า  ผู้คนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นปัจจัยสี่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มการขยายตัว โดยตามแผนลงทุน 5 ปี ของเซ็นทรัลพัฒนา มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ “Retail-Led Mixed-Use Developer” จากนี้ไปกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย (Residential) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัลพัฒนามากขึ้น หลังจาก 4 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสร้างรายได้สะสมรวมกว่า 10,000 ล้านบาท

บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2569 กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย จะขยายโครงการเพิ่มกว่า 50 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในอนาคตเซ็นทรัลพัฒนามีโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุม 27 จังหวัด หรือมากกว่า 70 โครงการ มีลูกบ้านกว่า 20,000 ครอบครัว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยวางเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี และมีสัดส่วนรายได้เป็น 15% ของพอร์ต จาก 7-8% ในปัจจุบัน
 

“ที่ผ่านมาธุรกิจที่อยู่อาศัยของเซ็นทรัลพัฒนา ถือว่าไปได้ไกลกว่าคู่แข่งในตลาดจากชื่อเสียง การพัฒนาบ้านที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าในทุกทำเลที่เข้าไปพัฒนาการเป็น Retail-Led Mixed-Use Developer เป็นจุดแข็งที่เหนือคู่แข่งโดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด แต่ในกรุงเทพฯ ต้องยอมรับว่าข้อจำกัดทำเลทำให้การพัฒนาโครงการคอนโดทำได้ยาก แต่ไม่ปิดกั้นหากมีโอกาสพร้อมที่จะลงทุน ดังนั้นในกรุงเทพฯ จะเน้นพัฒนาโครงการแนวราบมากกว่า ”

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

ชู 3 กลยุทธ์สร้างความต่าง

เกมรุกในตลาดที่อยู่อาศัยครั้งนี้ ใช้จุดแข็งที่โดดเด่นในการเชื่อมต่อ Retail & Residential Integration ซึ่งประกอบด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.Best in Town แบรนด์แข็งแกร่ง เจาะทำเล New CBD & Downtown 2.Beyond Quality คุณภาพ-ไลฟ์สไตล์-ความปลอดภัยที่เหนือความคาดหมาย และ 3.Strong Synergy ผนึกกำลังในเครือเซ็นทรัล เติมเต็ม Lifestyle Journey ต่อเนื่อง

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

นายกรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย 3,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7-8% ของรายได้รวมของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) โครงการคอนโดมิเนียมในมือมูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 2566 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังมี Backlog จากโครงการแนวราบอีก 200-300 ล้านบาทต่อเดือน ทยอยส่งมอบต่อเนื่อง
 

ชูจุดขายทำเลทองติดศูนย์การค้า

ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale)ไว้ที่ 5,500 ล้านบาท ซึ่งมีแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ทยอยเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้  เป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือน ส.ค. ภายใต้แบรนด์ “เอสเซนท์” (ESCENT) ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล สุราษฎร์ธานี 1 โครงการ และติดโรบินสัน 3 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และตรัง อีก 2 โครงการ เป็นแนวราบ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เปิดตัวตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป ได้แก่ โครงการ นินญา ราชพฤกษ์ และโครงการ นิรติ เชียงใหม่

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

ดอกเบี้ยขึ้นไม่กระทบคนอยากซื้อบ้าน

นายกรี กล่าวว่า แม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบระยะสั้นจากการวิเคราะห์พบว่า ไม่กระทบกำลังซื้อลูกค้ามากนัก “เท่าที่ดูตัวเลข 1 ล้านบาท ถ้าดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ลูกค้าจะผ่อนเพิ่มขึ้นประมาณ 200 บาทต่อเดือน ขณะนี้ความต้องบ้านมีสูงมากจนสร้างไม่ทัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนแรงงานต่างชาติ”

ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นนั้น ล่าสุดพบว่า เหล็กเริ่มปรับราคาลงมา เพราะรัสเซียส่งเหล็กมาทางเอเซียมากขึ้น

ย้ำแบรนด์เซ็นทรัล TopOfMind

นายกรี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมหาที่ดินที่มีศักยภาพ ไม่ไกลจากศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล ไม่ว่าในต่างจังหวัดหรือพื้นที่ในกรุงเทพฯ มีโครงการบ้านเดี่ยวออกมารองรับความต้องการลูกค้าในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับจากลูกค้าจนสร้างบ้านไม่ทัน เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นแบรนด์ “เซ็นทรัล” ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ฯลฯ เช่น จอดรถ ใช้เลาจ์ เป็นการตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยของลูกค้า จึงกลายเป็น “ จุดแข็ง” ที่ทำให้โครงการแนวราบ ที่เป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทไปจนถึง 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้รับการตอบรับที่ดีมากจนสร้างไม่ทันขายขาย

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

โดยเฉพาะโครงการในต่างจังหวัดให้การยอมรับแบรนด์เซ็นทรัล มั่นใจว่าจะสามารถขยายโครงการครอบคลุม 27 จังหวัดภายใน 5 ปีจากนี้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ซึ่งปรับเปลี่ยนไปในแต่ละปีอีกด้วย

“แม้ช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับโครงการอื่นโดยเฉพาะคอนโดอยู่ติดห้าง และกลุ่มลูกค้ามีรายได้ระดับบีบวก ตั้งแต่ 2-3 ล้านบาทขึ้นไป เน้นกระจายให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อผู้อยู่อาศัยจริงหรือซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง ไม่เน้นการขายบิ๊กลอต อย่างมากไม่เกิน 3 ยูนิต”

เซ็นทรัลพัฒนาทุ่ม4หมื่นล้านลุยที่อยู่อาศัยงัดจุดแข็งติดศูนย์การค้า

ยกตัวอย่าง เปิดขายคอนโดที่หาดใหญ่ ขนาด 660 ยูนิต ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัล สามารถขายหมดภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ในช่วงเกิดโควิด-19 เนื่องจากคนซื้อมีความมั่นใจว่าทำเลดีแน่นอน เป็นการล้อไปกับแผนใหญ่ในการเป็นมิกซ์ยูสศูนย์การค้า หรือถ้าเป็นโครงการสแตนอโลนจะเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนของเซ็นทรัลกรุ๊ปเนื่องจากมั่นใจในฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ สามารถพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

 

แนะรัฐใช้นโยบายต่างชาติเช่าระยะยาว

นางสาววัลยา กล่าวเพิ่มเติมถึงนโยบายที่รัฐบาลเปิดทางให้ต่างชาติซื้อบ้านบนที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่นั้น ขณะนี้กฏหมายยังไม่ออกมา หากเทียบต่างประเทศโดยเฉพาะเพื่อนบ้าน มีนโยบายให้ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศโดยให้เช่าระยะยาว ไม่ว่าเป็นการเช่าที่ดิน 30, 60 หรือ 90 ปี  เป็นแนวทางสำคัญที่รัฐบาลควรนำไปพิจารณาว่าการเช่าระยะยาวน่าจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะปัจจุบันยังมีคนไทยที่ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมรายได้ อยากให้แน่ใจว่าคนไทยมีที่อยู่อาศัยได้ก่อน

“เรามองเพื่อภาพรวมของคนไทยทั้งประเทศ อยากให้ทุกคนได้มีที่อยู่อาศัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีโอกาสที่จะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจะเป็นบ้านหรือคอนโดก็ได้ เพราะที่อยู่อาศัยเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการใช้ชีวิต ส่วนคนต่างชาติการเช่าระยะยาวเป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการเขาได้ ส่วนสัดส่วนของโควตาคนต่างชาติที่ซื้อคอนโดนั้น หากจะปรับสัดส่วนได้มากกว่า49% ก็สามารถทำได้แต่ควรให้คนไทยมีสิทธิในการดูแลและบริหารจัดการนิติบุคคลภายในคอนโด แนวทางดังกล่าวทำให้คนต่างชาติ นักลงทุนเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ”