Sideways ซื้อเก็งกำไร PTTEP ESSO BANPU (19 ก.ค. 65)

Sideways ซื้อเก็งกำไร PTTEP ESSO BANPU (19 ก.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,552 / 1,568 จุด (EMA 25 วัน) แนวรับ 1,535 / 1,525 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร PTTEP ESSO BANPU ทางเทคนิค ดัชนีฯ อยู่ในช่วงรีบาวนด์โดยมี แนวต้านสำคัญที่ 1,552 จุด หากผ่านบริเวณดังกล่าวจะมีสัญญาณซื้อเพิ่ม

โมเมนตัมบวก คือ การกลับมายืนเหนือ USD100 ของราคาน้ำมันดิบ WTI ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นและผลิต (กลุ่มพลังงานมีน้ำหนักต่อ SET Index สูง) ไฮไลท์วันนี้ คือ การประกาศงบการเงินบจ.ไทยและสหรัฐฯ (จับตาความเสี่ยงที่จะเกิด Downward Revision) อัตราการว่างงานเดือน พ.ค. ของ UK ตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. ของ EU และยอดการสร้างบ้านหลังใหม่เดือน มิ.ย. ของสหรัฐฯ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรมต.ไทย เริ่มต้นวันนี้เป็นวันแรก

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT EA CPN MINT KTB BDMS (แนะนำ ขาย MEGA) และพอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH BAFS DOD NER NYT RS SIS WICE PORT HFT LST TK (แนะนำ ขาย M ซื้อ AJ TWPC ASK AGE)

+ 2Q22E Earnings Play: กำไรเติบโตสูง >15% YoY, 20% QoQ และมี % Upside ต่อราคาเป้าหมาย >10% แนะนำ PTT PLANB TOP CPALL BEC VGI KCE MINT SPRC MAJOR BEM

+ กลุ่มเงินบาทอ่อนค่า: TFG GFPT ASIAN TWPC SAPPE KCE MEGA

+/- กลุ่มได้ประโยชน์จากการลดลงของยิลด์พันธบัตร (ดอกเบี้ย): +ผู้ผลิตไฟฟ้า: GULF GPSC BGRIM พัฒนาอสังหาริมทรัพย์: ORI AP LH เงินทุนและหลักทรัพย์: JMT KTC MTC -ธนาคาร ประกันภัยและประกันชีวิต: BBL KBANK KKP BLA TIPH

+/- กลุ่มอิงการแพร่ระบาด COVID-19: +การแพทย์: BH BDMS BCH CHG RAM EKH อุปกรณ์การแพทย์: IMH STGT –กลุ่มเปิดประเทศ: AOT AAV BAFS CENTEL MINT ERW SHR

+/- กลุ่มอิงสินค้าโภคภัณฑ์: +กลุ่ม Commodities: PTTEP BANPU TOP SPRC ESSO -Anti-Commodities Play: SCC SCGP TASCO GULF GPSC

 

ปัจจัยบวก

+ Oil: ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเหนือ USD100/บาร์เรล อีกครั้ง หลังจากตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวของอุปทาน สืบเนื่องจากความล้มเหลวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการโน้มน้าวให้กลุ่มประเทศอาหรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ขณะที่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ระยะสั้นช่วยเสริมโมเมนตัมเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบ

 

 

 

ปัจจัยลบ

- USDTHB: ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าและทรงตัวอยู่เหนือระดับ 36.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ตลาดยังคงมีความเสี่ยงที่จะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ เพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนฯ ขณะที่ภาคเศรษฐกิจจริงก็ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้านำเข้าสำคัญที่ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น ราคาน้ำมัน (-กลุ่มขนส่ง)

- Myanmar: ธนาคารกลางเมียนมาออกคำสั่งระงับการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ เพื่อรักษาปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง พร้อมมีคำสั่งห้ามการนำเข้ารถยนต์และสินค้าฟุ่มเฟือยทุกชนิด การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันประกอบอาหารอย่างเข้มงวด (-กลุ่มบริษัทที่มีธุรกรรมอยู่ในเมียนมา เช่น MEGA BH OSP CBG)

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ 10 รัฐมนตรี (จนถึงวันที่ 23 ก.ค.)
- Earning Result: USA: Johnson and Johnson และ NETFLIX; Thailand: หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์
- UK: อัตราการว่างงานเดือน พ.ค. คาดอยู่ที่ 3.9% (Vs เดือน เม.ย. 3.8%)
- EU: ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. คาด +8.6% YoY และ +0.8% MoM (Vs เดือน พ.ค. +8.1% YoY และ +0.8% MoM)
- USA: Housing Starts เดือน มิ.ย. คาดทรงตัวที่ 1.65 ล้านหลัง

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว: ดัชนีฯ ปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยยืนในแดนบวกตลอดการซื้อขาย ก่อนปิดตลาดที่ 1,544.81 จุด +11.44 จุด วอลุ่มซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +3.72% พลังงานและสาธารณูปโภค +1.50% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +1.12% ธนาคาร +0.98% หุ้นบวก >4% DELTA JTS PSL RCL SELIC TEKA THANA TIPH TTA หุ้นลบ >4% BH KEX MEGA DOHOME KWM KUMWEL EGATIF TWPC KWI SAMART

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเป็นลบ ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA -0.69% S&P500 -0.84% NASDAQ -0.81% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดลบ หลัง APPLE (ราคาหุ้นร่วง -2.1%) เปิดเผยว่า จะชะลอการจ้างงานใหม่ และลดการใช้จ่ายในปีหน้า เพื่อรับมือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้น 9 ใน 11 หมวดอุตสาหกรรมที่คำนวณดัชนีฯ S&P500 ปรับตัวลดลง นำโดย healthcare, utilities และกลุ่มเทคฯ ขณะที่กลุ่มพลังงานปิดบวกตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวกต่อเนื่อง CAC40 +0.93% DAX +0.74% FTSE +0.9% แต่ลดช่วงบวกลงหลังจาก บริษัท Gazprom ประกาศเหตุสุดวิสัย ซึ่งเป็นอุปสรรคในการจัดหาก๊าซบางส่วนไปยังยุโรป ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติพลังงานในทวีปยุโรป

+ น้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +USD5.01 ปิดที่ USD102.60/บาร์เรล Brent +USD5.11 ปิดที่ USD106.27/บาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความกังวลภาวะตลาดตึงตัว หลังจำกผู้นำชาติอาหรับยังไม่ได้มีการให้คำมั่นในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ส่วนราคาทองคำกลับมาปิดบวก +USD6.60 ปิดที่ USD1,710.20/ออนซ์ หลังร่วงง 5 วันติดต่อกัน เนื่องจากการกลับมาอ่อนค่าของเงิน USD

 

ประเด็นสำคัญ

- EU: ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและผู้นำอาเซอร์ไบจาน ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน โดย MOU ดังกล่าวจะทำให้อาเซอร์ไบจานเพิ่มการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปมากกว่า 2 เท่า สู่ระดับ 2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ภายในปี 2027 และช่วยให้ EU ลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

- Myanmar: ธนาคารกลางเมียนมาออกคำสั่งให้ธนาคารที่ได้รับอนุญาต แจ้งลูกค้าธุรกิจและรายย่อย ระงับการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ ทั้งในรูปเงินสดและที่คล้ายเป็นเงินสด เพื่อรักษาปริมาณทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ลดลงต่อเนื่อง และรัฐบาลเมียนมาสั่งห้ามนำเข้ารถยนต์ สินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันประกอบอาหาร เพื่อรักษาปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศ แม้ว่ารัฐบาลจะยังอนุญาตให้ใช้เงินหยวนและเงินบาท เพื่อการค้าชายแดนกับจีนและไทยอยู่ก็ตาม อิงจากข้อมูลในอดีต พบว่า มีบจ. 10-20 บริษัท ที่มีการลงทุนในเมียนมา และส่วนใหญ่มีสัดส่วนรายได้ในเมียนมา น้อยกว่า 10% อาทิ กลุ่มค้าปลีก OSP (10% ของรายได้รวม มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์และเครื่องดื่ม) CBG (10% ของรายได้รวม) BJC, ILM (<2%) โรงพยาบาล BH นิคมอุตสาหกรรม AMATA ส่วน PTTEP มีธุรกิจที่ Yadana และ Zawtika แต่มีรายรับจาก PTT เป็นเงินบาท ขณะที่ MEGA มีสัดส่วนสูงสุดประมาณ 35% ของรายได้รวม โดยส่วนใหญ่ 65% เป็นยา อาหารเสริม ซึ่งอาจไม่เข้าข่ายจำกัดการนำเข้า เพราะไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย และ TTCL ที่เคยมีข่าวเรื่องการลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา

- USA: สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 12 จุด สู่ระดับ 55 ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจข้อมูลดังกล่าว และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และต้นทุนในการก่อสร้าง ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายในปัจจุบันต่างปรับตัวลง

+ USA: แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร 2Q22 ต่ำกว่า Consensus คาด จากการกันสำรองหนี้สูญวงเงิน 523 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่มีรายได้สูงกว่าคาด โดยได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น และการขยายตัวของพอร์ทเงินกู้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ รายงานกำไรและรายได้ 2Q22 สูงกว่าที่ Consensus คาดจากธุรกิจซื้อขายพันธบัตรที่แข็งแกร่ง

+ China: ผู้ว่าธนาคารกลางจีน Yi Gang ส่งสัญญาณออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และวานนี้ อัดฉีดเงินเข้าระบบการเงินเพิ่มเติม 9 พันล้านหยวน รวมถึงมีข่าวทางการจีนเตรียมส่งสัญญาณให้สถาบันการเงิน ขยายสินเชื่อให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ เพื่อให้ก่อสร้างบ้านได้เสร็จตามกำหนด หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสจากผู้ซื้ออสังหาฯจำนวนมาก จะไม่จ่ายเงินค่าผ่อนบ้าน หากยังก่อสร้างไม่เสร็จ

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BDMS TFG MTC

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PTTEP ESSO BANPU

Derivatives: แนะเปิด Long S50U22 เมื่ออ่อนตัวหลัง 10:30 น.