‘กอบศักดิ์’ ชี้ภาษีขายหุ้นซ้ำเติมนักลงทุน

ภาคธุรกิจตลาดทุนเตรียมช่วยหาแนวทางที่จะทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น แทนการเก็บภาษีขายหุ้น ทั้งนี้ การเก็บภาษีขายหุ้นยังไม่ชัดเจนว่าจะเก็บเมื่อใดเพราะการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาล แต่หากถามทางตลาดทุน มองว่าจังหวะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม

ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO กอบศักดิ์ ภูตระกูล ระบุ ภาคธุรกิจตลาดทุนเตรียมช่วยหาแนวทางที่จะทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น แทนการเก็บภาษีขายหุ้น ทั้งนี้ การเก็บภาษีขายหุ้นยังไม่ชัดเจนว่าจะเก็บเมื่อใดเพราะการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาล แต่หากถามทางตลาดทุน มองว่าจังหวะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะช่วงนี้นักลงทุนเสียหายอย่างใหญ่หลวง และจะเสียหายต่อไปอีก ดังนั้น การที่จะมาเก็บภาษีในช่วงตลาดคับขันที่สุด จะเป็นการซ้ำเติม เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่นักลงทุนต่างชาติกังวล การเก็บภาษีช่วงนี้ จะทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง และในยามคับขัน ถ้าสภาพคล่องลดลง ก็หมายความว่า ตลาดจะเหวี่ยงได้มากกว่าเดิม หากเป็นลักษณะนั้น การเก็บภาษีจะกลายเป็นการซ้ำเติมนักลงทุนในช่วงที่นักลงทุนลำบากที่สุด

นอกจากนี้ เป้าหมายของการเก็บภาษี คือ เพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล ซึ่งประเมินว่าจะเก็บได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องที่จะหายไป อาจจะทำให้เก็บได้แค่ระดับ 6-7 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางตลาดทุนกำลังหารือกัน ว่าจะทำโครงการที่ช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นแทนการเก็บภาษี อย่างการดึงบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มขนาดเค้กเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะทำให้เก็บภาษีได้มากขึ้น เห็นได้จากการที่บริษัทที่เข้าตลาดทุน จะจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 3 ปีให้หลัง หลังจากเข้าตลาด

 เฟทโก้แนะระวังลงทุนช่วงตลาดผันผวน 

สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยไตรมาส 3 ปีนี้  ยังมองว่าตลาดแกว่งตัว (ไซด์เวย์) โดยคาดดัชนีจะอยู่ที่ 1,569 จุด และไตรมาส 4 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่  1,662 จุดได้จากการฟื้นตัวของท่องเที่ยวที่คาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากดูบริบทของการลงทุน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ในภาวะ “Investment Storm 2022” ที่เป็นมรสุมของการลงทุน จากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก จากความกังวลในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ล้วนทำให้การลงทุนเกิดความผันผวนมากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสสูงที่จะขาดทุนได้ แม้กระทั่งกองทุน Hedge Fund ที่เก่งยังพบว่าขาดทุนจากการลงทุนได้ สะท้อนผ่าน ดัชนีดาวโจนส์ ที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ปรับลดลงมาแล้ว 15-16% ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงเกือบ 4,000 จุด หรือประมาณ 30% ในช่วงระยะกว่า 6 เดือน

ทั้งนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายตลาดเข้าสู่ตลาดหมีเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งหากมองไปข้างหน้า โอกาสที่จะเห็นตลาดหุ้นปรับตัวลดลงได้อีกพอสมควร  ขณะที่ค่าเงินบาทที่ผันผวนเป็นพิเศษ รวมถึงค่าเงินหลายสกุลทำระดับระดับต่ำสุดหรือนิวโลว์อย่างต่อเนื่อง เหล่านี้สะท้อนว่า บริบทของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆในปีนี้ไม่ง่าย ดังนั้นสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันถือว่าไม่ง่าย เพราะการปรับตัวของสินทรัพย์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว การดูกราฟต่างๆ ก็มีข้อจำกัด เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดปัจจัยภายนอกอะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้นต้องลงทุนแบบระมัดระวัง ต้องถนอมเงินต้นให้มากที่สุด เพราะวันนี้ตลาดผันผวน แม้ช่วงนี้ม้มรสุมพัดไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่จบดังนั้นให้รอจนเจอจุดเปลี่ยน คือเมื่อเงินเฟ้อถึงจุดพีค ทำให้เห็นทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดชัด ค่อยเริ่มเข้ามาลงทุนได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องถนอมตัวเอง ถนอมเงินต้นไว้