ครม.รับทราบ 'การบินไทย'รายได้เพิ่ม คาดออกจากแผนฟื้นฟูฯได้ 1 - 2 ปี

ครม.รับทราบ 'การบินไทย'รายได้เพิ่ม คาดออกจากแผนฟื้นฟูฯได้ 1 - 2 ปี

ครม. รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)   คาดอาจสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้เร็วกว่ากำหนดภายในปี 2567 หรือต้นปี2568 ผลบวกจากการเปิดประเทศ ทำให้รายได้จากตั๋วโดยสาร จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น  


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการ ติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)   คาดจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปี 2567

 
คณะกรรมการฯ ได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 6  กรกฎาคม 2565 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้


1. การหารายได้จากการขนส่ง
บกท. มีรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงเดือนมิถุนายน 2565  มีส่วนแบ่งจำนวนผู้โดยสารคิดเป็นร้อยละ 33 ของจำนวนผู้โดยสารของทุกสายการบิน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของปี 2562  โดย บกท. มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 12,654 คนต่อวัน

และผู้โดยสารของสายการบินไทยสมายล์สูงกว่า 12,000 คนต่อวันรวมทั้ง

ยังมีรายได้จากการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ทั้งในส่วนของการขนส่งในเที่ยวบินโดยสารตามตารางบินและเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเดือนมิถุนายน  2565 จำนวน 2,057  ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562  คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44

2.  การปรับลดขนาดองค์กรและต้นทุนบุคลากร ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลดลงจาก  29,400 ล้านบาทต่อปี เหลือ 7,920  ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนต้นทุนที่ลดลงประมาณร้อยละ 73

3. การปรับปรุงประสิทธิภาพฝูงบินและปรับลดต้นทุนอากาศยาน  โดยปรับลดจำนวนแบบอากาศยานในฝูงบินจาก 9 แบบ เป็น 4 แบบ ลดต้นทุนด้านอากาศยานลง 8,500 ล้านบาทต่อปี

4. จำหน่ายอากาศยานที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการบินของ บกท. ประกอบด้วย  อากาศยานแบบโบอิ้ง 737-400 จำนวน 11 ลำ  อากาศยานแบบแอร์บัส  340 -  500 จำนวน 1  ลำ  แบบแอร์บัส 340 -600 อีก 4 ลำ และมีอากาศยานที่อยู่ระหว่างรอการจำหน่ายจำนวน 18 ลำ

5. การปรับลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งส่งผลให้สามารถลดต้นทุนลง 4,500 ล้านบาทต่อปี

6. การหาประโยชน์จากทรัพย์สินรองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยมีรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินรอง ตั้งแต่เข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟูกิจการรวมจำนวน 9,258 ล้านบาท ทั้งนี้ บกท. ยังมีทรัพย์สินรองที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจำหน่าย ได้แก่ เครื่องบินฝึกจำลองที่ไม่อยู่ในแผนดำเนินงาน อสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ  รวมทั้ง ยังมีการหาประโยชน์โดยการให้เช่าพื้นที่สำนักงานใหญ่ ในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานสำหรับการให้บุคคลภายนอกเช่า

7. การติดตามหนี้สินที่เกินกำหนดชำระจากลูกหนี้หน่วยงานภาครัฐ อาทิ กองบินตำรวจ กองทัพอากาศ เป็นต้น

โดย บกท. มีเงินสดสุทธิ ณ วันที่ 30  มิถุนายน 2565 ประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 24 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ทำให้ในขณะนี้ บกท. ยังไม่มีความจำเป็น ต้องจัดหาสินเชื่อใหม่ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการที่ 50,000 ล้านบาท  ทั้งนี้ บกท. ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และคาดว่าจะมีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขในเดือนกันยายน 2565

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  อาจทำให้ บกท. สามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้เร็วกว่ากำหนดภายในปี 2567 หรือต้นปี 2568

โดยขึ้นอยู่กับการปรับแผนฟื้นฟูที่มีสาระสำคัญ คือ การแปลงหนี้เป็นทุน  และนับตั้งแต่การเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ทำให้การประกอบของ บกท. ดีขึ้นตามลำดับ สามารถทำการบินในเส้นทางต่างๆ ทำให้มีรายได้และสภาพคล่องมากขึ้น สามารถลดวงเงินกู้ตามแผนจากเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 5  หมื่นล้าน

โดยจะกู้จริงไม่เกิน 1.25  หมื่นล้าน เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจปกติ  ขณะเดียวกันผู้ที่ซื้อตั๋วโดยสารค้างไว้ ยังไม่ได้เดินทาง ก็สามารถใช้สิทธิบินตามตั๋วได้  รวมทั้งการสะสมไมล์ Royal Orchid Plus  สะสมไมล์ ยังสามารถแลกเป็นตั๋วเครื่องบินตามสิทธิ์เช่นเดิม/