Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 July 2022

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 July 2022

ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยและสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีน

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 100-110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 102-112 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 11 July 2022

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (11-15 ก.ค. 65) 

ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดัน เพราะนักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในจีนยังคงกดดันตลาด หลังจีนพบการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ส่งผลให้จีนต้องใช้มาตรการเข้มงวดในการตรวจคัดกรอง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลภาวะอุปทานตึงตัว เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียประสบปัญหาในการส่งออก เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ และกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ที่อยู่ในระดับต่ำ 
 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

-  รายงานประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีเนื้อหามุ่งเน้นที่จะดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัว ผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดำเนินมาตรการปรับลดขนาดงบดุลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในตลาดชะลอตัวลง ขณะเดียวกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนผู้ถือครองเงินสกุลอื่นมีความสนใจในการลงทุนในน้ำมันดิบลด

-  ปธน. โจ ไบเดน จะเดินทางเยือนซาอุฯ ตามคำเชิญของมกุฎราชกุมารบิล ซัลมาน หลายฝ่ายจับตามองว่าการเดินทางเยือนตะวันออกกลางในครั้งนี้ของผู้นำสหรัฐฯ จะมีท่าทีเรียกร้องให้ซาอุฯ และกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตร (OPEC+) เดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นหรือตามข้อตกลงเดิมที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตที่ราว 0.648 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. 65

-  สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ยังคงกดดันตลาด หลังจากจีนพบผู้ติดเชื้อในเมืองเซี่ยงไฮ้ ทำให้จีนต้องกลับมาบังคับใช้มาตรการเข้มงวดในการตรวจคัดกรอง ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันดิบ 

- อุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังผู้ผลิตในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 1 แท่นสู่ระดับ 595 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 
 

-  ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลิเบียมีแนวโน้มปรับลดลงอยู่ระหว่าง 0.8-0.9 ล้านบาร์เรล หลังบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัยในการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Es Sidr และ Ras Lanuf หลังเกิดเหตุประท้วงความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ซึ่งหากสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวยังไม่คลี่คลาย จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบอาจตึงตัวเพิ่มขึ้น

-  การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านและ 6 ประเทศมหาอำนาจยังคงไม่มีความคืบหน้า ส่งผลให้อุปทานจากอิหร่านมีแนวโน้มกลับมาช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

-  เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นและจีดีพีจีนในไตรมาสที่ 2 มีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้านี้

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-8 ก.ค. 65)  

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 3.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 104.79 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 4.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 107.02 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 104.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากได้รับแรงกดดันเนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด – 19 ในจีน อย่างไรก็ตามราคายังได้แรงสนับจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศลิเบียและความไม่แน่นอนในการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปค (OPEC)