เปิดทริกสู้เงินเฟ้อ “หาหุ้นที่ใช่” ใส่พอร์ตลงทุน

เปิดทริกสู้เงินเฟ้อ “หาหุ้นที่ใช่” ใส่พอร์ตลงทุน

 ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงพุ่งทะยานไม่หยุดทั่วโลก ราคาข้าวของที่แพงขึ้น ขณะที่เงินในกระเป๋ายังเท่าเดิม มันช่างน่าปวดใจซะจริงๆ จนแทบไม่อยากจับจ่ายใช้สอยหรือลงทุนใดๆ คลิกดูพอร์ตลงทุนทีไร ยังโชว์ตัวแดงโร่อยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งตามเงินเฟ้อไปกันใหญ่

ท่ามกลางบรรยากาศ ภาวะเงินเฟ้อพุ่ง ดอกเบี้ยเพิ่ม ตลาดซบเซา และการลงทุนที่ไม่เป็นใจเช่นนี้ 

แต่ในเมื่อ "เงินเฟ้อเป็นวัฏจักร"  ดังนั้นมันย่อมมีวันสิ้นสุด ไม่ใช่ว่าจะอยู่ตลอดไป และเงินเฟ้อสูงไม่ได้แปลว่า จะพังทลายตลาดหุ้นให้ย่อยยับ

ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ จะเห็นโอกาสดีๆ ซ่อนอยู่ ใช้เวลาศึกษาแล้วหามันให้เจอ แน่นอนว่า "หนีไม่พ้นการลงทุนในตลาดหุ้น

เปิดทริกสู้เงินเฟ้อ “หาหุ้นที่ใช่” ใส่พอร์ตลงทุน

 

 

ในภาวะเงินเฟ้อสูง ควรเลือกลงทุนในหุ้นแบบไหน กลุ่มไหน ที่จะปลอดภัย และคาดหวังผลตอบแทนได้ในระยะยาว  

"ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ. จิตตะ แนะเคล็ดลับการลงทุนยุคเงินเฟ้อ “หาหุ้นที่ใช่” ใส่พอร์ตลงทุน

 

ในการเลือกหุ้นเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ  "มีทริกอยู่ 4 ข้อ" ดังนี้ 

1. เป็นแบรนด์ใหญ่

2.สินค้าที่อยู่ในกลุ่มปัจจัย 4

3.บริษัทมีหนี้น้อย 

4. มีValuation ที่ไม่แพงจนเกินไป 

ตัวอย่างการลงทุนหุ้น เป็นทางเลือกยุคเงินเฟ้อ คือ

1. หุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคก็เข้าข่าย

2.หุ้นจีนกลับโดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง 

3.ธีมการลงทุนที่อิงเมกะเทรนด์โลก 3 อุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคต (พลังงานสะอาด,จีโนมิกส์และเฮลท์แคร์ ,เทคโนโลยี โดยเฉพาะ Cloud Computing ) 

หากใครติดตามกลยุทธ์การลงทุนของ Warren Buffett ในช่วงเงินเฟ้อสูง จะพบว่า นอกจากการลงทุนใน "หุ้นคุณภาพดี" ที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว 

คุณปู่ Buffett ยังมีทริกการลงทุน เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อโดยเลือกลงทุนในหุ้นแบรนด์ใหญ่ เป็นที่ยอมรับ และสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด หรือพูดรวมๆ ว่ามีแบรนด์ที่แข็งแกร่งนั่นเอง

ถ้าคุณเป็นนักลงทุนสาย VI (Value Investing) ก็จะมี Mindset ในการลงทุนเช่นเดียวกับ Buffett คือ "ต้องมองภาพใหญ่ให้ออกและหาหุ้นที่ใช่ให้เจอ"

เปิดทริกสู้เงินเฟ้อ “หาหุ้นที่ใช่” ใส่พอร์ตลงทุน
 

หากคุณติดตามกลยุทธ์การลงทุนของ Warren Buffett ในช่วงเงินเฟ้อสูงก็จะพบว่า นอกจากการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว คุณปู่ Buffett ยังมีทริกการลงทุน เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อโดย

ลงใน Defensive Stock ดีไหม? 

หลายคนอาจให้คำจำกัดความของ Defensive Stock (หุ้นทนทาน) ว่าเป็นหุ้นเติบโตช้า แต่สำหรับ"ตราวุทธิ์" มองว่า Defensive ต้องมีGrowth ด้วย ถึงจะน่าสนใจและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

จึงออกแบบสมการ Defensive บวกกับ Growth เท่ากับธุรกิจอะไรก็ได้ที่มีโอกาสเติบโตใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้ามองกันแบบเบสิกก็ คือ 

ธุรกิจปัจจัย 4 ที่คนจำเป็นต้องกินต้องใช้ ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างยาสีฟัน ต่อให้เงินเฟ้อขึ้น คุณก็ยังต้องแปรงฟันทุกวัน ต่อให้ขึ้นราคา คุณก็ยังต้องซื้อ  

แต่สินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท อาจไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้ เพราะรัฐบาลควบคุมราคาอยู่ การเลือกลงทุนในDefensive Stock จึงต้องมองในจุดนี้ด้วย 

ขณะที่สินค้าหรือบริการบางอย่างต่อให้ขึ้นราคา ก็มีคนพร้อมจ่าย เพราะจำเป็นต้องใช้และต่อรองราคาไม่ได้ นั่นคือกลุ่มจีโนมิกส์และเฮลท์แคร์ที่ถือเป็นDefensive Stock ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ชนิดที่เงินเฟ้อก็ทำอะไรไม่ได้

ขอยกตัวอย่าง iShares Global Healthcare ETF (IXJ) เป็น ETF (Exchange Traded Fund)ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทเฮลท์แคร์ทั่วโลกเช่น บริษัทยา ผู้ผลิตเครื่องมือการแพทย์ โรงพยาบาล ที่ไม่ได้ยี่หระต่อสถานการณ์เงินเฟ้อหรือสงคราม หรือ iShares Genomics Immunology and Healthcare ETF (IDNA) เป็น ETF ที่ลงทุนในบริษัทเฮลท์แคร์ด้านจีโนมิกส์โดยเฉพาะ อย่างผู้ผลิตวัคซีนmRNA หรือผู้พัฒนาแนวทางการวินัจฉัยโรคด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม

ไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นหรือ ETF นักลงทุนแต่ละคนย่อมมีสไตล์การลงทุน ความรู้ ประสบการณ์ และการยอมรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน คนที่ใจบาง หวั่นไหวง่าย ทักษะในการลงทุนน้อยหน่อย ก็อาจใช้แนวทาง DCA (Dollar Cost Averaging) เป็นตัวช่วยลงทุน เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนและลดความผันผวนในพอร์ตช ส่วนนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญแล้ว จะเลือกลงทุนแบบใส่เงินก้อนเดียว ลงไปก็ไม่ผิด ขึ้นอยู่กับว่าคุณพอใจในระดับราคาที่เข้าไปหรือไม่

ท้ายสุดนี้ ประสบการณ์การลงทุนของคุณปู่ Buffett ยังคงเป็นตำราเล่มใหญ่ให้ได้เรียนรู้กัน

 Buffett เคยซื้อหุ้น Washington Post ด้วยเงินก้อนโตในคราวเดียว เพราะเห็นว่าราคาลงมามากแล้ว แต่หลังจากนั้นราคายังไหลลงต่อ แต่มองว่าราคาที่ซื้อเป็นระดับที่พอใจแล้วจากนั้นก็แค่รอให้หุ้นดีดกลับขึ้นมา และปล่อยให้เงินทำงานไป ซึ่งเป็นเรื่องเล่าการลงทุนที่คุณปู่สร้างไว้ให้นักลงทุนรุ่นต่อๆ มาได้ศึกษา

และไม่ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะไหน เงินเฟ้อจะสูงเท่าไร จะใช้กลยุทธ์ทยอยลงทุนหรือเทเงินก้อนใหญ่ลงไปทีเดียว อยู่ที่สไตล์และความชอบของแต่ละคน แต่ทุกคนควรต้องศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้ถ่องแท้ซะก่อน และคำกล่าวที่ว่า ‘อย่าโลภเกินความรู้’ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจได้ดีเสมอ เพราะเมื่อไรที่โลภเกินความรู้ ความหมดตัวจะมาเยือน เมื่อศึกษาข้อมูลอย่างชัดเจนแล้วก็เลือกลงทุนตามหลักการหุ้นพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโต และราคาไม่แพง หวังว่าคุณจะเป็นผู้ชนะในศึกเงินเฟ้อรอบนี้นะครับ  

หากคุณสนใจหลักการลงทุนเพื่อรับมือกับตลาดขาลงเช่นนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่