ตอน : วิชา "เมื่อมองข้าม...จะมองเห็น !"

ตอน : วิชา "เมื่อมองข้าม...จะมองเห็น !"

"วิชา" มองข้าม... ไม่ใช่เรื่องของการมองอะไรแบบโลกสวย ไม่ยอมรับความจริง ในทางตรงกันข้าม วิชามองข้าม กลับมองเห็นความเป็นจริงมากกว่าที่คนทั่วๆ ไปมองเห็นแค่ผิวเผินด้วยซ้ำ !!

Part1.ที่มาที่ไป

สถานการณ์ของภาคธุรกิจและผู้คนทั่วไปในทุกวันนี้ ถึงแม้โควิตเริ่มจะคลี่คลาย แต่ปัญหาใหญ่ๆเช่นเงินเฟ้อ ของแพง กำลังซื้อถดถอย ที่เกิดจาก วิกฤติการณ์สงครามตัวแทนระหว่าง ฟากฝั่งอเมริการวมทั้งนาโต้ที่ใช้ยูเครนเป็นตัวล่อ ให้รบต่อเนื่อง กับฝั่งรัสเซีย จะยืดเยื้อกว่าที่คิดและมีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้น ถาโถมเข้ามาใส่เราๆท่านๆในทุกวัน

มีความเป็นไปได้ที่ เรื่องทุกเรื่องที่ดูร้ายแรง จะร้ายแรงและส่งผลด้านลบมากยิ่งขึ้น เพราะ...

Part2.“ความรู้สึก”ส่งผลมากกว่า“ข้อเท็จจริง!”

สถานการณ์โดยรวมในเรื่องเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ค่อนข้างวิกฤติก็จริง เป็นสิ่งที่รับรู้กันทุกคน และมันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเพราะ “ความรู้สึกว่าแย่!”

ยิ่งรับรู้ บริโภคข่าวสารด้านลบมากเท่าไหร่ ความรู้สึกว่าแย่ จะแย่กว่าความเป็นจริงโดยไม่รู้ตัว!

แต่มีข้อสังเกตบางอย่าง... ในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ ก็จะมีบางธุรกิจ และบางคนที่กลับมีรายได้เพิ่มหรือขายดียิ่งขึ้นทุกครั้ง!

ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์เอื้ออำนวย เช่นของบางอย่างแพง ผู้บริโภคเลยเปลี่ยนไปซื้ออย่างอื่นที่มีราคาถูกกว่ามากินมาใช้ทดแทน

แต่อีกส่วนหนึ่งเกิดจาก ไอเดียของผู้ประกอบการ ที่มองเห็นช่องว่าง หรือโอกาสในสถานการณ์แบบนี้!

คำถามคือ ความรู้สึกส่งผลกับทุกคนหรือไม่? คำตอบคือส่งผล แต่คนที่รอดหรือรุ่ง จะรู้วิธีแยกแยะระหว่างความรู้สึก กับ สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่นั่งรู้สึกแย่ทำลายกำลังใจตัวเองไปทุกๆวัน โดยไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้น!

Part.3.วิชา “มองข้าม” 

ในฐานะผู้นำ ผู้บริหารองค์กร หรือเจ้าของธุรกิจทุกขนาด จำเป็นอย่างมาก ที่ต้องมองเห็นและมองทะลุ วิชามองข้ามที่ธุรกิจใหญ่ๆรวมถึงขนาดกลางและขนาดเล็กทำคือ

ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีเงินสดมากๆมองเห็นวิกฤติ รับรู้ แต่มองหาโอกาสการลงทุน เพราะจะเลือกซื้อเพื่อลงทุนอะไรได้ถูก กว่าช่วงเศรษฐกิจดี (การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในช่วงที่ธุรกิจอื่นๆ...หมดทุน!)

เราจึงเห็นบรรดาเจ้าสัวใหญ่ๆและนักธุรกิจที่มีเงินสดเงินเย็น ฝากไว้ไม่คุ้มกับดอกเบี้ย ถึงแม้แนวโน้มดอกเบี้ยกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้น แต่เทียบผลตอบแทนแล้ว สู้กว้านซื้อธุรกิจที่มีศักยภาพแต่ขาดเงินสด หรือกว้านซื้อทำเลทองตุนไว้เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตไม่ได้

เจ้าสัวที่เก่งๆที่ร่ำรวยทุกคน จึง “มองข้ามช็อต” ทุกครั้งที่เกิดสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ โดยไม่ติดกับความรู้สึกว่าเศรษฐกิจแย่แล้วไม่ยอมลงทุน และไม่ทำอะไรเลยเหมือนกับคนทั่วไปไงครับ!

ส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กบางส่วน ที่เก่งและแกร่ง รวมทั้งประสบความสำเร็จผ่านได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ก็ มองเห็นวิกฤติในปัจจุบันเช่นกัน

เพียงแต่ต่างกับคนทั่วๆไปตรงที่ รับรู้ รู้สึกได้ แต่ไม่นำความรู้สึกด้านลบมาปิดโอกาส กลับมองหาโอกาส ในการพัฒนาธุรกิจ คิดสร้างสรรค์สินค้า-บริการใหม่ๆให้ตอบโจทย์กับสภาวะปัจจุบัน ถ้าจำเป็นต้องลงทุน ก็กล้าที่จะลงทุนแบบฉลาด ลงทุนหลังจากประเมิน วิเคราะห์แล้วเล็งเห็นโอกาส

นอกเหนือไปจากนั้น ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง กลับมองเห็นโอกาสในการพัฒนาคนในองค์กร เพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต!

Part4.ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ

ที่ธุรกิจและคนที่ล้มเหลว จึงมีมากกว่าธุรกิจและคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าของธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่ล้มเหลว มักจะติดอยู่กับ “ความรู้สึกแย่!” หนักไปกว่านั่น เจ้าของธุรกิจบางส่วนยังเผยแพร่ความรู้สึกด้านแย่ๆให้กับทุกคนในองค์กรรู้สึกท้อแท้ จิตตก บั่นทอนขวัญกำลังใจคนในองค์กรไปแบบไม่รู้ตัว!

เพราะฉะนั้น เราจึงไม่เคยเห็นผู้นำและเจ้าของธุรกิจ ที่จิตตก ติดกับความรู้สึกแย่ทุกๆวัน จะสามารถคิดและทำอะไรใหม่ๆได้ และเราจึงไม่เคยเห็นคนเหล่านี้ประสบความสำเร็จ เพราะธุรกิจจะล้มไปพร้อมๆกับความรู้สึกแย่ ความรู้สึกท้อของผู้นำ คนเหล่านี้ธุรกิจเหล่านี้จึงถูกคลื่นเศรษฐกิจกลืนหายไปเป็นจำนวนมาก

Part.5.บทสรุป

วิชามองข้าม ไม่ใช่เรื่องของการมองอะไรแบบโลกสวย ไม่ยอมรับความจริง ในทางตรงกันข้าม วิชามองข้าม กลับมองเห็นความเป็นจริงมากกว่าที่คนทั่วๆไปมองเห็นแค่ผิวเผินด้วยซ้ำ!

เพราะคนทั่วไป บริโภคข่าวร้ายจากทุกช่องทาง แล้วจมอยู่กับข่าวร้ายจนค่อยๆท้อถอยไปโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งใครที่จิตไม่แกร่ง ใจไม่แข็ง ขี้ระแวงเกินเหตุ มักจะไปก่อนใครๆเสมอ!

ส่วนคนที่รู้จักแยกแยะ ความรู้สึก กับสถานการณ์ที่พบ รวมทั้งเข้าใจในเรื่องวงจรธุรกิจ ที่ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ทุกวิกฤติมีโอกาสแฝงเร้นเสมอ ถ้ารู้จักมองข้ามความรู้สึกด้านลบ แต่ใช้ ปัญญาญาณ พินิจพิจารณา แยกแยะ ก็จะรู้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ธุรกิจควรเดินแบบใด(ที่ไม่ใช่หยุดนิ่ง ชะงักไม่กล้าทำอะไร) จะพัฒนาคนในหน่วยงานใดในช่วงนี้ เพื่อเติมเต็มช่องว่าง สร้างโอกาสที่มองเห็น

สุดท้ายนี้...หวังว่าทุกท่าน จะไม่ติดกับความรู้สึกแย่ แล้วใช้วิชามองข้าม เพื่อให้ธุรกิจของท่าน ก้าวข้ามได้ในทุกสถานการณ์นะครับ.