“พลังงาน” หนุนช่วย “เบนซิน” อัดงบอุ้มผู้ขับขี่มอร์เตอร์ไซค์ทั่วประเทศ

“พลังงาน” หนุนช่วย “เบนซิน” อัดงบอุ้มผู้ขับขี่มอร์เตอร์ไซค์ทั่วประเทศ

“พลังงาน” เร่งคลอดมาตรการเฉพาะกลุ่มหลังกองทุนน้ำมันติดลบหลักกว่า 1 แสนล้าน เล็งปรับแผนช่วยจักรยานยนต์รับจ้าง เป็นช่วยผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศ

ด้วยประเทศไทยเป็นกลุ่มที่มีอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างต่ำ และวิกฤตราคาพลังงานที่ผันผวนลากยาวมาตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้กระทรวงพลังงานออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนกว่า 2 ปี ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กระทารวงพลังงาน ฐานะทางการเงินต้องติดลบทะลุแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการนำเงินมาอุดหนุนผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลที่มียอดใช้งานวันละกว่า 66 ล้านลิตร 1โดยคงราคาขายหน้าปั๊มไว้ที่ลิตรละ 35 บาท จากราคาปัจจุบันระดับ 40-41 บาท

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ ภาครัฐเตรียมหามาตรการต่างๆ เพื่อดูแลเฉพาะกลุ่ม โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) และกรมธุรกิจพลังงาน อยู่ระหว่างทำงบประมาณเพื่อออกมาตรการช่วยเหลือด้านวิกฤติพลังงานเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยส่วนมากจะเป็นการต่อมาตรการเดิม อาทิ การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง อาทิ กลุ่มผู้ใช้ก๊าซหุงต้ม LPG (ภาคครัวเรือน) กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าโดยให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ที่มียอดการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.2565

“ตอนนี้กรมธุรกิจพลังงาน กำลังทำตัวเลขงบประมาณว่าหากช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบางจริงๆ จะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งต้องหารือกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ซึ่งจำนวนงบประมาณทางสภาพัฒน์น่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด เพราะครั้งที่แล้วทางสภาพัฒน์เป็นคนนำเสนอตัวเลขเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างกัน จะเป็นการต่อมาตรการในการช่วยเหลือที่ใช้งบกลาง ดูแลผู้ใช้น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และไฟฟ้า

สำหรับแนวทางในการพิจารณาช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน จะเน้นการช่วยเหลือกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งอาจจะปรับการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซินที่ขับขี่จักรยานยนต์ผ่านโครงการ “วินเซฟ” ที่เป็นโครงการช่วยเหลือผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์) ให้ครอบคลุมผู้ใช้จักรยานยนต์ทั่วประเทศ แต่จะต้องมาดูว่าจะครอบคลุมรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนกี่คันและต้องใช้งบประมาณเท่าใด

สำหรับโครงการ “วินเซฟ” รัฐช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ก.ค.2565 ที่รับสิทธิ์ส่วนลดค่าน้ำมันกลุ่มเบนซินในรูปแบบรัฐร่วมจ่าย 50% ไม่เกินคนละ 50 บาท/วัน และไม่เกินคนละ 250 บาท/เดือน ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 8 พ.ค.2565 โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 106,655 สิทธิ์ ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท

ทั้งนี้หากมีการปรับแผนการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์รับจ้างจะต้องใช้งบประมาณรัฐอุดหนุน เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่สามารถอุดหนุนเฉพาะกลุ่มได้ โดยการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มนี้ เบื้องต้น จะแบ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็น 2 กลุ่มคือ

1. กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ขึ้นทะเบียนทั่วไปกับกรมขนส่งทางบก

2. กลุ่มผู้ที่ถือบัติสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องเสมอมา โดยกระทรวงพลังงานจะต้องเร่วสรุปมาตรการช่วยเหลือเนื่องจากโครงการวินเซฟจะหมดระยะเวลาสิ้นเดือนก.ค. 2565

สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 3 ก.ค.2565 ติดลบ 107,601 ล้านบาท โดยที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระอุดหนุนราคาดีเซลและแอลพีจีอยู่ในระดับสูง ซึ่งนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซียและยูเครนทำให้การอุดหนุนราคาพลังงานในช่วง 4 เดือน ที่ผ่านมา (มี.ค.-มิ.ย.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนติดลบเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 20,000 ล้านบาท

รวมทั้งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้กระทรวงพลังงานประเมินว่ากรณีไม่มีการเพิ่มสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือยังคงอุดหนุนราคาพลังงานในระดับปัจจุบันจะทำให้กองทุนติดลบ 200,000 ล้านบาท ในช่วงปลายปี 2565 ดังนั้น หากไม่มีเงินมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน กระทรวงพลังงานจะปรับการช่วยเหลือลงเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อพยุงสถานทางการเงินของกองทุนน้ำมัน