PTTEP ประมาณการ 2Q65F: โครงการเอราวัณจะหนุนให้กำไรโต

PTTEP ประมาณการ 2Q65F: โครงการเอราวัณจะหนุนให้กำไรโต

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 1.90 หมื่นล้านบาท (+166% YoY, +80% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นและปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้น

โดยเราคาดว่าราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 32% YoY และ 9% QoQ เป็น US$55.9/BOE เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ประเภทของเหลวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้นเป็น US$108/bbl ใน 2Q65 (+61% YoY, +13% QoQ) ในขณะที่คาดว่าราคาขายก๊าซจะเพิ่มขึ้น 11%YoY และ 2% QoQ เป็น US$6.2/mmbtu นอกจากนี้ เราคาดว่าปริมาณยอดขายของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 6% YoY และ 10% QoQ เป็น 470KBOED เนื่องจากเริ่มใช้สัญญา production sharing contract (PSC) ของโครงการ G1/61 (เอราวัณ) ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น US$29.5/BOED เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการเข้าพื้นที่โครงการเอราวัณเพื่อติดตั้งแท่นหลุมผลิต (wellhead platform) ใหม่ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ และการเจาะหลุมผลิต ซึ่งการดำเนินการตามแผนดังกล่าวจะทำให้ผลผลิตจากโครงการเอราวัณเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป ในขณะเดียวกันเราคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงลดลง 83% QoQ เหลือ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากราคาในตลาด future เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเป็น US$102/bbl เมื่อสิ้นงวด 2Q65 (+US$29/bbl ใน 1Q65 vs +US$4/bbl ใน 2Q65)

PTTEP จะกลายเป็น investment operator เพียงรายเดียวในโครงการเอราวัณ

เมื่อปีที่แล้ว Mubadala Petroleum ซึ่งถือหุ้น 40% ในโครงการ G1/61 (เอราวัณ) เห็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบริหารจัดการของกระทรวงพลังงานไทยจากความล่าช้าในการเข้าพื้นที่โครงการเอราวัณ ส่งผลให้ตัดสินใจเลื่อนการลงทุนออกไป ดังนั้น PTTEP จึงเซ็นสัญญากับ Mubadala เพื่อทำหน้าที่เป็น investment operator เพียงรายเดียวในโครงการ ซึ่งทำให้บริษัทรับรู้รายได้และต้นทุนทั้งหมดจากการผลิตปิโตรเลียมที่โครงการเอราวัณมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 โดยเราคาดว่า PTTEP จะรับรู้ปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้น 7KBOED ในปี 2565F, 18KBOED ในปี 2566F และ 30KBOED ในปี 2567F จากหุ้น 40% ในโครงการเอราวัณของ Mubadala ซึ่งเราได้รวมเข้าไว้ในประมาณการของเราแล้ว

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำถือ PTTEP และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 173.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.7% และ terminal growth ที่ 1.0% ถึงแม้เราจะคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นใน 2Q65F แต่เราคาดว่า ราคาน้ำมันดิบใน 2H65 จะลดลงเนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจาก OPEC+ ในขณะที่มีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับอัตราการเติบโตของอุปสงค์ที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed

 

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซ