พลังงานยังเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อมิ.ย. สูงขึ้น 7.66 % นิวไฮ 13ปีต่อเนื่อง

พลังงานยังเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อมิ.ย. สูงขึ้น 7.66 %   นิวไฮ 13ปีต่อเนื่อง

พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.สูงขึ้น 7.66 % เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย ผลจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฉลี่ยเงินเฟ้อ 6 เดือน สูงขึ้น 5.61 % ยังคงเป้าเงินเฟ้อปี65 อยู่ที่ 4.0 - 5.0% ค่ากลางอยู่ที่ 4.5%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์   เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (CPI) เดือนมิ.ย. 2565 เท่ากับ 107.58 เพิ่มขึ้น 7.66 %  เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้วเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.51% และเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือน(ม.ค.-มิ.ย.) สูงขึ้น 5.61 %

ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ซึ่งมีสัดส่วนถึง 61.83 % และทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 7.66 %นอกจากนี้ เป็นผลจากหลักการของการคำนวณเงินเฟ้อที่ต้องนำดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิ.ย.ปี 2565 ที่ระดับ 107.58 มาคำนวณกับเดือนมิ.ย.2564 ที่ระดับฐานต่ำ (99.93) ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. มีผลลัพธ์ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นที่ 7.66%

นอกจากนี้ยังมาจากมาตรการของภาครัฐที่พยายามช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาขายปลีกเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยคำนึงถึงการได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เป็นสำคัญ

พลังงานยังเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อมิ.ย. สูงขึ้น 7.66 %   นิวไฮ 13ปีต่อเนื่อง

สินค้าสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 7.66 % คือ กลุ่มพลังงาน มีอัตราการเติบโตของราคา 39.97%  จึงส่งผลให้พลังงานมีสัดส่วนถึง 61.83% ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มพลังงานประกอบด้วย น้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราการเติบโตของราคา 39.45% ค่าไฟฟ้า 45.41% และราคาก๊าซหุงต้ม12.63 %

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีอัตราการเติบโตของราคา 6.42% จึงส่งผลให้กลุ่มอาหารมีสัดส่วน 34.27% ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และเครื่องประกอบอาหาร สาเหตุที่กลุ่มอาหารมีราคาเปลี่ยนแปลงเนื่องจากพลังงานเป็นต้นทุนแฝงในกระบวนการผลิตสินค้าอาหารทุกขั้นตอน ตลอดจนเป็นต้นทุนโลจิสติกส์ และราคาวัตถุดิบทั้งหมด  

สินค้าอื่น ๆ มีสัดส่วน 3.9 % ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม) ของใช้ส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน) ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (บุหรี่ เบียร์ สุรา) และค่าโดยสารสาธารณะ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ขณะที่สินค้าสำคัญอีกหลายรายการราคาปรับลดลง  เช่น กลุ่มข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลง 2.73 % โดยเฉพาะราคาข้าวสาร เนื่องจากปริมาณผลผลิตมีจำนวนมาก และการจัดโปรโมชั่นตามห้างสรรพสินค้า กลุ่มผลไม้สด ลดลง2.53 % อาทิ เงาะ มังคุด ลองกอง ตามปริมาณผลผลิตที่มีค่อนข้างมาก กลุ่มการสื่อสาร ลดลง 0.08%  อาทิ ค่าส่งพัสดุไปรษณีย์ และค่าเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ

ทั้งนี้ ในเดือนมิ.ย..2565 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 213 รายการ ราคาลดลง 80 รายการ และไม่เปลี่ยนแปลง 137 รายการ

นายรณรงค์ กล่าวว่า  ส่วนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด     ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0 - 5.0%   ค่ากลางอยู่ที่ 4.5%   โดยยังไม่ปรับการคาดการณ์เงินเฟ้อใหม่ เพราะคาดการณ์ได้ยากมา เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อมีมาก อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำ

สำหรับเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสูงกว่าตัวเลขเดือนพ.ค. และ เม.ย.2565 และสูงกว่าเดือนก.พ. และมี.ค. ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี ทำให้เดือนมิ.ย. ยังทำสถิตเงินเฟ้อที่ถือว่าสูงสุดในรอบ 13 ปี