Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 27 June 2022

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 27 June 2022

ราคาน้ำมันดิบถูกกดดัน หลังตลาดกังวลการเติบโตเศรษฐกิจจะชะลอตัว เนื่องจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 105-115 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 110-120 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 27 June 2022

 

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (27 มิ.ย. – 1 ก.ค. 65) 

ราคาน้ำมันถูกกดดันหลังธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดมีความกังวลการชะลอตัวของเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบมีความน่าสนใจลดลง สำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น อย่างไรก็ตามอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซีย ที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการยุติการนำเข้าของสหภาพยุโรป 
 

 

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

-   ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดัน หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในสัปดาห์ที่แล้วกว่า 0.75% เพื่อมุ่งลดภาวะเงินเฟ้ออันเนื่องจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในตลาดในชะลอตัวลง ขณะเดียวกันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนผู้ถือครองเงินสกุลอื่นสนใจในการลงทุนน้ำมันดิบลดลง 

-   ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันญี่ปุ่นปรับสูงขึ้นในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. 65 ใกล้สู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด หลังรัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการอุดหนุน เพื่อลดบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ตามรายงานของ Petroleum Association of Japan (PAJ) อย่างไรก็ตามทาง ENEOS คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของญี่ปุ่นจะปรับลดลง เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ในประเทศจะปรับลดลงราว 2% ต่อปี หลังจำนวนประชากรมีแนวโน้มลดลง และเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 

-    ปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจีนในเดือน พ.ค. 65 ลดลง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 3.27 ล้านตัน นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 หลังจีนประกาศใช้มาตรล็อคดาวน์ตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 ในเมืองเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ในประเทศปรับลดลง ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งในประเทศลดกำลังการผลิต ประกอบกับโควตาส่งออกที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้จีนส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/65 
 

-  ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรัสเซียในช่วงครึ่งแรกของเดือน มิ.ย. 65 เพิ่มสูงขึ้น 500,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังจีนและอินเดียเพิ่มปริมาณการซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย เนื่องจากมีราคาถูกเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบชนิดอื่น ซึ่งรัสเซียคาดว่าปริมาณการผลิตจะกลับสู่ระดับก่อนมาตรการคว่ำบาตรได้ในเดือน ก.ค. 65 ขณะที่สำนักงานพลังงานสากลหรือ IEA คาดว่าปริมาณการผลิตของรัสเซียจะปรับลดลงแตะระดับ 8.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงปลายปี 65 จาก 10.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ย. 65 หลังยุโรปบังคับใช้มาตรการยุติการนำเข้าจากรัสเซีย 

-  ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 7 แท่นสู่ระดับ 740 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63 ล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในไตรมาส 4/65 ซึ่งสูงกว่าปริมาณการผลิตในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดที่ระดับ 12.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 62

-  สหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตรหารือกันเพื่อเตรียมออกมาตรการตรึงราคาน้ำมัน (price cap) ของรัสเซีย เพื่อกดดันราคาน้ำมันและจำกัดรายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ขณะที่ยังคงอนุญาตให้น้ำมันของรัสเซียออกสู่ตลาดได้ เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว 

-  หลังสหภาพยุโรปลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ทำให้หลายประเทศต้องหันกลับมาใช้ถ่านหินเป็นพลังงานอีกครั้ง อาทิเช่น เยอรมัน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการใช้ นอกจากนั้นสหภาพยุโรปพยายามหาอุปทานก๊าซธรรมชาติและพลังงานจากแหล่งอื่น ทดแทนการนำเข้าจากรัสเซีย เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงไตรมาส 4 

-  เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหภาพยุโรปเดือน มิ.ย. ซึ่งคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น จีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาส 1 มีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตจีนเดือน มิ.ย. ตลาดคาดว่าจะปรับลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 24 มิ.ย. 65)  

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 1.94 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 107.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 1.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 113.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 116.33 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดกังวลอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลก จะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดยังคงกังวลภาวะอุปทานน้ำมันดิบโลกตึงตัว หลังยุโรปมีข้อสรุปยุติการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่การปรับเพิ่มการผลิตจากกลุ่มโอเปคพลัสเพื่อชดเชยน้ำมันที่หายไปจากส่วนของรัสเซียยังมีความไม่แน่นอนสูง