GLOBAL อาจจะได้อานิสงส์จากทำเลที่ตั้งของสาขาร้าน

GLOBAL อาจจะได้อานิสงส์จากทำเลที่ตั้งของสาขาร้าน

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ GLOBAL ใน 2Q65 จะอยู่ที่ 958 ล้านบาท (-1% YoY, -17% QoQ) ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในงวด 1H65 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+9% YoY) และคิดเป็น 60% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากได้อานิสงส์จากราคาเหล็กน้อยลง ในขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล

 

SSSG จะทรงตัวใน 2Q65

เราคาดว่ายอดขายของ GLOBAL ใน 2Q65 จะอยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท (+5% YoY, -3% QoQ) ซึ่งจะทำให้ยอดขายใน 1H65 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น YoY จะมาจากการขยายสาขาร้าน ในขณะที่ยอดขายที่ลดลง QoQ จะเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล เราคาดว่า SSSG ใน 2Q65 จะทรงตัว (จาก 35% ใน 2Q64 และ 7.4% ใน 1Q65) เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูฝน และคาดว่า GLOBAL จะเปิดสาขาใหม่ 1 ร้านใน 2Q65 ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 77 ร้าน (จาก 73 ร้านใน 2Q64)

 

อัตรากำไรขั้นต้นลดลง
 

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ GLOBAL ใน 2Q65 จะอยู่ที่ 25.5% (-0.4ppts YoY, -0.7ppts QoQ) คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นในงวด 1H65 ที่ 25.8% (เพิ่มขึ้น 0.1ppts YoY) จากสมมติฐานปี 2565 ของเราที่ 25.2% โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจะเป็นผลมาจากการที่ราคาเหล็กเริ่มมีเสถียรภาพ

 

 

 

คงประมาณการกำไรปี 2565-2566 เอาไว้เท่าเดิม

ประมาณ 65% ของสาขาร้าน GLOBAL ตั้งอยู่ในภาคเหนือ และอีสาน ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์จากรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์กลุ่มอาหารของเราคาดว่ารายได้ภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น ~20% ใน 2H65 จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทอาจจะได้รับผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงที่ราคาเหล็กจะร่วงแรง (จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย) เนื่องจากยอดขายเหล็กคิดเป็นประมาณ 15-20% ของรายได้รวมของ GLOBAL และสมมติฐานที่เราใช้อยู่ได้สะท้อนปัจจัยนี้ไปบางส่วนแล้ว ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงทุก ๆ 1% จะส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิของ GLOBAL ~8% เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566 เอาไว้เท่าเดิม โดยคาดว่ากำไรจะโต 2% ในปี 2565 และ 16% ในปี 2566

 

Valuation

เรายังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 25.50 บาท อิงจาก PER ที่ 34.0x (ค่าเฉลี่ยระหว่าง GLOBAL และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +0.5 S.D.) ทั้งนี้ เนื่องจากกำลังซื้อมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และยังเหลือ upside จากราคาปิดล่าสุดอีก 38% เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ถือ" เป็น "ซื้อ"

 

Risk

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเป็นจำนวนมาก