ครม.เคาะเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 1.5 ล้านสิทธิ์ - เว้นภาษีนักแสดงต่างชาติ 5 ปี

ครม.เคาะเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 1.5 ล้านสิทธิ์ - เว้นภาษีนักแสดงต่างชาติ 5 ปี

ครม. เห็นชอบ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4" ขยายจำนวนสิทธิเพิ่ม 1.5 ล้านสิทธิ์ สิ้นสุดต.ค. 2565 หททท.เผยให้เริ่มจองโรงแรมได้วันที่ 1 ก.ค. เริ่มเข้าพักได้วันที่ 8ก.ค.-31 ต.ค.2565 เว้นภาษีนักแสดงต่างชาติถ่ายภาพยนตร์ในไทย 5 ปี ฟื้นเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะมนตรี อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดสารสะคัญของโครงการเราเที่นวด้วยกัน เฟส 4  ขยายจำนวนสิทธิเพิ่มอี 1.5 ล้านสิทธิ รวมเป็น 3.5 ล้านสิทธิ และขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการ ฯ จากเดิม เดือนพฤษภาคม เป็น เดือนตุลาคม 65  โดยกำชับให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และเน้นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองให้มากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย

ตามที่ ครม.มีมติเมื่อ 24 มกราคม 2565 อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ข้อมูล ททท.  ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 65 มียอดการใช้จ่ายผ่านโครงการรวม 9,346.60 ล้านบาท  โดยเป็นส่วนที่รัฐสนับสนุนประมาณ 3,496.03 ล้านบาท  และประชาชนใช้จ่ายรวมประมาณ 5,850.05 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินโครงการฯ ยังคงเหลือ ประมาณ 5,500 ล้านบาท  

ซึ่งจากการประมาณการมูลค่าการใช้สิทธิของประชาชนทั้งในส่วนของโรงแรมที่พัก  คูปอง และบัตรโดยสารเครื่องบินจากการขยายสิทธิ 1.5 ล้านสิทธิ คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนที่รัฐสนับสนุนรวม 5,105 ล้านบาท  ซึ่งยังต่ำกว่ากรอบวงเงินคงเหลือของโครงการฯ

ทั้งนี้ รายละเอียดของโครงการตามเดิม เช่น ส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก 40% ของราคาห้องพัก/ห้อง/คืน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 10 ห้อง หรือ 10 คืน รวมตลอดโครงการ ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว สูงสุด 600 บาท/ห้อง/คืน โดยประชาชนจะชำระ 60% และรัฐบาลช่วยจ่าย 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง  เป็นต้น

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงชาวต่างชาติที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อเป็นการดึงดูดให้เกิดการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยเพิ่มขึ้น และส่งเสริม Soft Power ไทย ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

ปัจจุบันประเทศมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยเพิ่มขึ้นและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2560 - 2564 มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี เฉพาะปี 2564 สร้างรายได้ประมาณ 5,007 ล้านบาท ที่ผ่านมาไทยมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในรูปแบบการคืนเงิน หรือ Cash Rebate สูงสุดร้อยละ 15-20 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในไทย และจำกัดเพดานการคืนเงินไม่เกิน 75 ล้านบาท

แต่ยังมีข้อจำกัดด้านภาษีที่กำหนดให้นักแสดงชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในไทย โดยที่นักแสดงต่างชาติมีหน้าที่เสียภาษีในประเทศของตัวนักแสดงด้วย จึงอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยได้ 

“คาดการณ์ว่า ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ไทยจะมีรายได้จากการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยเฉลี่ยปีละ 3,500 ล้านบาท รวมรายได้ 5 ปี ประมาณ 17,500 ล้านบาท แต่จะสูญเสียรายได้จากมาตรการยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติประมาณ 71.75 ล้านบาท” นางสาวรัชดากล่าว