คมนาคมถก กทม.เคลียร์หนี้งานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท

คมนาคมถก กทม.เคลียร์หนี้งานโยธารถไฟฟ้าสายสีเขียวกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท

คมนาคม ถก กทม.แจงภาระทางการเงิน งานก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต รวมกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท ดันเข้า ครม.ลงนามข้อตกลงรับโอนหนี้ภายใน ก.ย.นี้

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการกำกับดูและและติดตาม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ครั้งที่ 2/2565 วันนี้ (17 มิ.ย.) โดยระบุว่า วาระประชุมในครั้งนี้ ได้หารือถึงประเด็นของการจัดทำบันทึกข้อตกลง (เพิ่มเติม ฉบับที่1) ว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ของ รฟม.ให้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.)

โดยรายละเอียดของการจัดทำบันทึกข้อตกลงฉบับดังกล่าว เพิ่มเติมมาจากข้อตกลงที่ได้ลงนามร่วมกันไปเมื่อปี 2561 ในครั้งที่มีการโอนทรัพย์สินและภาระหนี้ส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ เนื่องจากรายละเอียดเรื่องภาระหนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีกทั้งยังมีภาระหนี้เพิ่มเติมจากส่วนของช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต ที่ กทม.นำไปบริหารจัดการด้วย

สำหรับภาระหนี้ที่จะบรรจุอยู่ในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ มีมูลหนี้ ณ 31 พ.ค.2565 รวมอยู่ที่ 53,321 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ที่เกิดจากช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ราว 19,150 ล้านบาท และหนี้ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต ราว 34,171 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการหารือในครั้งนี้ ทาง กทม.จะต้องนำรายละเอียดภาระหนี้ทั้งหมด ไปเสนอขออนุมัติจากสภากรุงเทพมหานคร เพื่อขอเห็นชอบรับโอนทรัพย์สินและภาระหนี้

อย่างไรก็ดี จากการหารือในครั้งนี้ กทม.แจ้งว่าเนื่องด้วยการเข้ามารับตำแหน่งใหม่ของทีมผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้มีวาระที่ต้องพิจารณาเข้าสู่สภากรุงเทพมหานครค่อนข้างมาก จึงคาดการณ์ว่าจะสามารถผลักดันข้อมูลภาระหนี้เข้าสู่การพิจารณาในอีก 2 เดือนข้างหน้า ก่อนจะเสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติลงนามบันทึกข้อตกลงรับโอนทรัพย์สินและภาระหนี้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง รฟม.คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือน ก.ย.นี้

นายภคพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า มูลหนี้ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการคาดการณ์โดย รฟม.ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่า กทม.จะมีความพร้อมรับโอนหนี้ส่วนนี้เมื่อไหร่ ดังนั้นนอกจากการคำนวณมูลหนี้ถึง 31 พ.ค.2565 ที่คาดว่า กทม.จะนำเสนอสู่ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร รฟม.ยังคำนวณมูลหนี้ไปจนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2565 หรือในเดือน ก.ย.2565 คาดว่าจะมีมูลหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 54,284 ล้านบาท โดยในส่วนนี้รวมดอกเบี้ยจากเดือน เม.ย. - ก.ย.2565 ประมาณ 970 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 161 ล้านบาทต่อเดือน

“หนี้ส่วนนี้เป็นหนี้ที่เกิดจากงบประมาณการลงทุนส่วนของงานโยธาที่ รฟม.รับผิดชอบ รวมไปถึงงบเวนคืนที่ดิน และค่าจ้างที่ปรึกษา ซึ่งเมื่อ กทม.ลงนามบันทึกข้อตกลงรับโอนทรัพย์สินและภาระหนี้ ก็จะต้องไปดำเนินการจ่ายหนี้ทั้งหมดให้กับสำนักงบประมาณ โดยหนี้จะเป็นตัวเลขเท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า กทม.มีความพร้อมรับมอบภาระหนี้เมื่อไหร่ หากว่าช้ากว่านี้ออกไปอีก ก็จะเพิ่มภาระดอกเบี้ยที่ กทม.ต้องรับผิดชอบ”