ส.อ.ท. ผนึกกำลัง กนอ. ชูมาตรฐาน Eco Factory แก้ปัญหาลักลอบทิ้งของเสีย

ส.อ.ท. ผนึกกำลัง กนอ. ชูมาตรฐาน Eco Factory แก้ปัญหาลักลอบทิ้งของเสีย

ส.อ.ท. จับมือ กนอ. ขยายผลมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ครอบคลุมอุตสาหกรรมจัดการของเสีย ในโรงงานกำจัด คัดแยก และรีไซเคิลของเสีย มุ่งสร้างคามยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมลดปัญหาลักกลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม

นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย งานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) โดยสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มีความร่วมมือในการให้การรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ตั้งแต่ปี 2560 โดยผู้ประกอบการจะต้องต่ออายุมาตรฐานดังกล่าวทุก 3 ปี 

นอกจากนี้ ส.อ.ท. และ กนอ. ยังได้พัฒนามาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย (Eco Factory For Waste Processor) โดยมีผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจัดการกากของเสีย ร่วมกันพัฒนาข้อกำหนดนี้ขึ้น 

โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2568 ผู้ประกอบการจัดการของเสียที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน Eco Factory for Waste Processor 100% รวมถึงผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ประกอบกิจการอยู่ในปัจจุบัน จะต้องได้รับการรับรองมากกว่า 80% ของผู้ประกอบกิจการทั้งหมด 

นายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีโรงงานรีไซเคิล บำบัด หรือกำจัดกากอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และในขณะเดียวกับข่าวการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจเกิดจากการดำเนินธุรกิจที่ไม่ได้มาตรฐาน และต้องการลดต้นทุนการดำเนินการ ซึ่งปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เป็นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น เพื่อการสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน กลุ่มฯ จึงได้รับความร่วมมือจาก สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในการช่วยพัฒนามาตรฐานที่จะให้การรับรองตราสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจัดการของเสียกลุ่มนี้มีการดำเนินธุรกิจที่ได้มาตรฐาน มีความรับผิดชอบต่อสังคม คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ และสอดคล้องตาม BCG Model

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท. กำหนดยุทธศาสตร์ First2Next-Gen Industry ที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต โดย ส.อ.ท. จะเข้าไปช่วยส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในการยกระดับอุตสาหกรรมในมิติต่างๆ โดยในมิติสิ่งแวดล้อมได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ Eco Product / Eco Factory /Eco Town

ซึ่งมาตรฐาน Eco Factory จะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและประเมินสมรรถนะของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental management systems) ของกิจกรรมองค์กรโดยตลอดวัฏจักรชีวิตืมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน  ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าก่อให้เกิดผลผลิตสีเขียวมากที่สุด ตลอดจนเป็นที่ยอมรับของชุมชนแวดล้อมทำให้สามารถยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนด้วยหลักความร่วมมือเกื้อกูล และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง กนอ. และ ส.อ.ท.ในการพัฒนามาตรฐาน Eco Factory For Waste Processor ในครั้งนี้จะเป็นความร่วมมือที่สำคัญ ในการยกระดับผู้ประกอบการจัดการของเสียให้มีการดำเนินการที่สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

โดย กนอ. จะดำเนินการส่งเสริมให้ Waste Processor ในนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 74 แห่ง ได้รับรองมาตรฐานนี้ครบ 100% ภายในปี 2568 รวมทั้งส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ เลือกใช้บริการบำบัดและกำจัดของเสียจากผู้ประกอบการจัดการของเสียที่ได้รับรองมาตรฐาน และที่สำคัญคือการผลักดันสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับ Waste Processor ที่ได้รับรองมาตรฐานนี้