ท่องเที่ยวชง “ยกเว้นค่าวีซ่า” หนุนรัฐทุบหม้อข้าว! ชิงทัวริสต์ต่างชาติ

ท่องเที่ยวชง “ยกเว้นค่าวีซ่า”  หนุนรัฐทุบหม้อข้าว! ชิงทัวริสต์ต่างชาติ

เอกชนท่องเที่ยวจัดเต็ม ชง “ศบค.” ทุบหม้อข้าว! เสนอ “ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า” แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมขยายเวลาพำนักในไทยสูงสุดเป็นไม่เกิน 45 วัน ตลอด 6 เดือนหลัง ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2565 สู้ศึกชิงทัวริสต์เข้ามาจับจ่าย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า วานนี้ (10 มิ.ย.) ททท.ได้เชิญภาคเอกชนตัวแทนจากสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ รวมกว่า 100 ราย เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนวทางในการ “เปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 ก.ค.2565” เพื่อรวบรวมนำเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 17 มิ.ย.2565

 

สำหรับข้อสรุปที่เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ศบค. มีดังนี้

1.เสนอขอยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป

เปลี่ยนไปใช้ระบบอื่นที่ไม่ยุ่งยากแทน แต่ยังคงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแสดง (1) ใบรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccination Certificate) หรือ วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) และ (2) เอกสารประกันสุขภาพ

เช่น การตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนก่อนขึ้นเครื่องบินจากต้นทางโดยสายการบิน และการตรวจเอกสารประกันสุขภาพโดยให้นักท่องเที่ยวยื่นผ่านแพลตฟอร์มอื่นที่สะดวกกว่า

 

2.เสนอขอยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากอนามัย (Mask Free) ทั้งในอาคารและที่โล่งแจ้งแก่ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังคง “แนะนำ” ให้สวมใส่เวลาอยู่ในอาคารหรือสถานที่แออัด โดยขึ้นกับการตัดสินใจส่วนบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ เช่น สถานประกอบการต่างๆ อาจมีดุลพินิจให้พนักงานยังคงสวมหน้ากากอนามัยอยู่ เพื่อความปลอดภัยของตัวพนักงานเอง ขณะเดียวกันยังเสนอขอยกเลิกการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ ด้วย

ทั้งนี้ขอให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป

 

3.เสนอขอขยายเวลาการเปิดให้บริการของ “เศรษฐกิจภาคกลางคืน” กลับคืนสู่ภาวะปกติ ให้เป็นไปตามกฎหมายเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 เป็นต้นไป

 

4.เสนอขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2565 (ระยะเวลา 6 เดือน)

ทั้งวีซ่านักท่องเที่ยว (Tourist Visa) ค่าธรรมเนียม 1,000 บาทต่อคน และวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival : VoA) ค่าธรรมเนียม 2,000 บาทต่อคน เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ประกาศ “ปีส่งเสริมท่องเที่ยวไทย 2565-2566” (Visit Thailand Year 2022-2023)

 

5.เสนอขยายระยะเวลาพำนักระหว่างท่องเที่ยวในไทยเป็นสูงสุด 45 วัน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2565 (ระยะเวลา 6 เดือน)

- ขยายระยะเวลาพำนักของ Tourist Visa จากไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน

- ขยายระยะเวลาพำนักของ ฟรีวีซ่า ผ.30 หรือ ผู้ถือหนังสือเดินทางที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) ในการเข้าประเทศเพื่อการท่องเที่ยว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน (ปัจจุบันมี 56 ประเทศ) จะเสนอให้ปรับเป็น ผ.45 มีระยะเวลาพำนักไม่เกิน 45 วัน

- วีซ่าหน้าด่าน หรือ Visa on Arrival (VoA) จะเสนอให้ปรับเพิ่มจากปกติสามารถท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน ปรับเพิ่มเป็นไม่เกิน 45 วันเช่นกัน

 

6.ชะลอการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ค่าเหยียบแผ่นดิน อัตราคนละ 300 บาท ตามที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ตัดสินใจชะลอการจัดเก็บออกไปก่อนหน้านี้

 

“ข้อเสนอเหล่านี้เปรียบเสมือนยุทธศาสตร์ทุบหม้อข้าว เพื่อแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในการช่วงชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติและนำรายได้เข้ามาฟื้นเศรษฐกิจประเทศ” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

และในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มิ.ย.นี้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นเวทีระดมความคิดเห็นจากภาคเอกชนท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นงานสำคัญที่ทางภาคเอกชนมารวมพลังกันครั้งสุดท้ายเพื่อ End Game (จบเกม) โควิด-19 กลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เร็วที่สุด