เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์เป็นปัจจัยกำหนดโทนของตลาดช่วงต่อไป

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์เป็นปัจจัยกำหนดโทนของตลาดช่วงต่อไป

ภาพรวมการลงทุนระยะสั้นอาจกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

หลังสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ค. เพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 325,000 ตำแหน่ง  ตัวแปรสำคัญที่ตลาดจับตาแบละน่าจะเป็นปัจจัยกำหนดโทนการลงทุนในระยะสั้นจะอยู่ที่การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ พ.ค. ที่ตลาดคาดทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ 8.3% ทั้งนี้หากเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าระดับดังกล่าวตลาดอาจตอบรับเป็นบวก ขณะที่หากเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าระดับดังกล่าว โดยเฉพาะกลับไปเกินระดับสูงสุดที่ 8.5% จะส่งสัญญาณว่าวงจรเงินเฟ้ออาจยังไม่ผ่านจุดสูงสุด ซึ่งจะทำให้ตลาดตอบรับเชิงลบจากความคาดหวังว่าเฟดจะต้องดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเพิ่มขึ้นหรือนานกว่าคาด

ซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่มราคาน้ำมันดิบส่งสัญญาณถึงความต้องการแข็งแกร่ง ซาอุดิ อารามโค ประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบ Arab Light Crude เดือนก.ค.สำหรับลูกค้าในเอเซียอีก 2.10 ดอลลาร์ฯ (สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.5 ดอลลาร์ฯ) หรือเพิ่มเป็นพรีเมี่ยมจากราคาน้ำมันดิบอีก 6.50 ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้การปรับเพิ่มพรีเมี่ยมดังกล่าวหลังจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตรอบล่าสุด (ก.ค.และส.ค.) อีก 648,000 บาร์เรล/วัน (สูงกว่าคาดการณ์เดิม 432,000 บาร์เรล/วัน) เป็นการส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นต่อความต้องการน้ำมันดิบที่แข็งแกร่ง ทำให้ราคาน้ำมันดิบและโภคภัณฑ์ด้านพลังงาน ในระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานทั้ง PTTEP, BANPU, TOP, SPRC, OR เป็นต้น 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE 2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR 3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO 4) หุ้นกลุ่มที่ปรับลดลงมามาก หรือเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC, BGRIM, GPSC 5) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR 6) กลุ่มอาหารและเกษตร CPF, GFPT, TFG, TU, KSL, KTIS, KBS 7) กลุ่มขนส่ง WICE, LEO, NCL, MOONG และ 8) กลุ่มการเงิน MTC, SAWAD, TIDLOR, KCAR, THANI, TSR

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,643-1,680 จุด หากหลุด กรอบการเก็งกำไรจะปรับลงเป็น 1,600-1,643 จุด การเก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มพลังงานกลับมามีโมเมนตัมที่ดี ขณะที่การลงทุนเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพงหรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก โดยใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว //หุ้นแนะนำ:  BANPU*, SPRC*, OR*, VRANDA*

แนวรับ: 1,643 / แนวต้าน : 1,663 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงกว่าคาด - เพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 325,000 ตำแหน่ง

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด – ลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 210,000 ราย

ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐปรับตัวลดลง - ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 53.4 ในเดือนพ.ค. ลดลงจากระดับ 55.6 ในเดือนเม.ย.

โอเปคพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าคาด – มีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วัน ทั้งในเดือนก.ค.และส.ค. สูงกว่าตลาดคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับการผลิตในเดือนมิ.ย.

EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว คาดว่าลดลง 500,000 บาร์เรล

รัสเซียอนุญาตเรือสินค้าขนส่งธัญพืชเดินทางออกจากท่าเรือยูเครน – เรือสินค้าที่ขนส่งธัญพืชสามารถเดินทางออกจากท่าเรือยูเครนในทะเลดำ ผ่านทาง "ระเบียงมนุษยธรรม" ซึ่งรัสเซียพร้อมที่จะรับประกันความปลอดภัย นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมระบุว่า รัสเซียจะไม่ใช้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในยูเครนสำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน

OR ร่วมทุนเติมน้ำมันที่สนามบินพนมเปญ – SG HoldCo (บริษัทย่อยของ OR) ร่วมทุนกับ CNAF และ Total ในการถือหุ้นฝ่ายละ 33.33% ในธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่สนามบินพนมเปญ กัมพูชา

คาดเข้า SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA, BJC

คาดเข้า SET100 – คาดเข้า THG, TIPH, AAV, ONEE 

ตลท.ให้ LDC ใช้เกณฑ์ Cash Balance, BKD, BKD-W2 ขึ้นระดับ 2  – เริ่ม 6 มิ.ย. - 23 มิ.ย

 

ประเด็นติดตาม: 6 มิ.ย. – TH CPI / 7 มิ.ย. – TH Interest Rate Decision / 8 มิ.ย. – EU GDP / 9 มิ.ย. - ECB Interest Rate Decision / 10 มิ.ย. – US Core CPI / 11 มิ.ย. – US PPI

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)