ต่างชาติเที่ยวไทย 5 เดือนแรก 1.3 ล้านคน "ททท." ลุยสานเป้าปี 65 ทะลุ 7-10 ล้าน

ต่างชาติเที่ยวไทย 5 เดือนแรก 1.3 ล้านคน  "ททท." ลุยสานเป้าปี 65 ทะลุ 7-10 ล้าน

ตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อ 20 พ.ค.2565 ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทยเพิ่มเติม มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป ประเด็นสำคัญคือ “ไม่มีการกักตัว” ทั้งผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง

โดยผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ สามารถแสดงผล Pro-ATK หรือ RT-PCR ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง นอกจากนี้ยังยกเลิกการกักตัวในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ และไม่มีผลตรวจ โดยเมื่อเดินทางมาถึง สามารถตรวจ Pro-ATK เมื่อถึงสนามบิน ขณะเดียวกันยังได้ปรับแนวทางการจัดการผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง (High Risk Contact : HRC) ไม่ต้องกักตัวด้วย โดยให้สังเกตอาการตนเอง 10 วัน

ทั้งนี้เฉพาะ “ผู้เดินทางต่างชาติ” ยังต้องกรอกข้อมูลลงทะเบียนในระบบ “ไทยแลนด์พาส” (Thailand Pass) แต่ปรับรูปแบบเพื่อความสะดวกมากขึ้น! คงเหลือข้อมูลที่จำเป็นเพียง 3 ส่วน ได้แก่ หลักฐานวัคซีนหรือผลตรวจ ประกัน และข้อมูลหนังสือเดินทาง โดยจะมีการออก QR Code ทันทีเมื่อลงทะเบียนเสร็จ ไม่มีการรออนุมัติ! และสายการบินตรวจสอบเอกสารต่างชาติที่ปรากฏตามหน้า QR Code (วัคซีน หรือ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ) และออกบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass)

พร้อมปรับโซนสีโควิดใหม่ เพิ่มเติม “พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว” (พื้นที่สีฟ้า) จาก 12 จังหวัด เป็น 17 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง และสงขลา (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่จาก 16 จังหวัด เป็น 12 จังหวัด) โดยใช้มาตรการเช่นเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง

และอนุญาตเปิดสถานประกอบการใน “เศรษฐกิจภาคกลางคืน” เช่น สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ฯลฯ มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้ โดยเปิดบริการไม่เกิน 24.00 น. และจำหน่าย-บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 24.00 น.

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย ณ วันที่ 31 พ.ค.2565 รวบรวมข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และระบบ Thailand Pass พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยช่วง 5 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 พ.ค.2565 จำนวนรวม 1,336,068 คน นักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 1 คือ “อินเดีย” 123,606 คน รองลงมาคือ สหราชอาณาจักร 96,323 คน มาเลเซีย 78,523 คน เยอรมนี 77,707 คน และสหรัฐ 72,482 คน

โดยนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านด่านสนามบินสุวรรณภูมิมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 825,918 คน รองลงมาคือ สนามบินภูเก็ต 378,786 คน สนามบินดอนเมือง 41,043 คน ด่านสะเดา 19,962 คน และด่านหนองคาย 12,783 คน

เมื่อดูสถิติเฉพาะวันที่ 1-31 พ.ค.2565 หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร “ยกเลิกระบบ Test & Go” มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยรวม 532,177 คน ถือว่า “สูงกว่าเป้าหมาย” ที่ ททท.ตั้งไว้ว่าจะมียอดเดินทางเข้ามา 5 แสนคนในเดือน พ.ค.

“ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 1.3 ล้านคน หากในช่วง 4 เดือนที่เหลือของโลว์ซีซั่น ตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย.นี้ ได้อีกเดือนละ 5 แสนคน ก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 3 ล้านคน แล้วถ้าในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค. ได้อีกเดือนละไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน โอกาสที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2565 เป็นไปตามเป้าหมาย 7-10 ล้านคนของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นับว่าเป็นไปได้สูง”

และหลังจากได้ประชุมร่วมกับ ททท.สำนักงานภาคพื้นยุโรปและตะวันออกกลางแล้ว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคดังกล่าวเดินทางเข้าไทยในปีนี้ไม่น้อยกว่า 3.25 ล้านคน สร้างรายได้ 260,000 ล้านบาท โดยเฉพาะ “ตลาดรัสเซีย” ตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน

ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. เล่าเสริมว่า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มเติม มีผล 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป ประเด็นสำคัญคือ “ไม่มีการกักตัว” ทั้งผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ รวมถึงผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง (HRC) นับเป็น “ปัจจัยบวก” แก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก ช่วยทำให้การเดินทางไหลลื่นขึ้น ประเทศไทยสามารถแข่งขันช่วงชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดีขึ้น โดยเห็นแนวโน้มยอดจองการเดินทางเพิ่มขึ้นในทุกๆ ตลาด!

“ในช่วงที่ทั่วโลกทยอยเปิดประเทศ แข่งขันชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ตอนนี้เป็น “ตลาดของผู้ซื้อ” ผู้ซื้อสามารถสร้างเงื่อนไขได้มากขึ้น มีสิทธิ์เลือกสินค้าท่องเที่ยวที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ทำให้ ททท.และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยขายของแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป ต้องเสริมเรื่องประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ ยกระดับบริการให้นักท่องเที่ยวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”

สำหรับผลตอบรับของนักท่องเที่ยว “ตลาดยุโรป” ที่เดินทางมาเที่ยวไทยช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ ปัจจุบันเริ่มมียอดจองล่วงหน้าเข้ามาแล้วในระดับใช้ได้ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล

ทั้งนี้ “พฤติกรรมการจอง” จะเข้ามาค่อนข้างช้ากว่าปกติ! เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังคงติดตามประกาศการปลดล็อกมาตรการเดินทางเข้าไทยเพิ่มเติม รวมถึงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในภาพรวม และยังมีปัจจัยลบเรื่อง “ราคาน้ำมันแพง” ที่ส่งผลต่อ “ค่าตั๋วเครื่องบิน” เส้นทางยุโรปเข้าไทยสูงขึ้น 15-20% ในปัจจุบัน

“อย่างไรก็ตามเมื่อดูปริมาณเที่ยวบินจากยุโรปมาไทยในเดือน มิ.ย.นี้ ถือว่าฟื้นตัวแล้ว 40% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด โดยขยับเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.และ พ.ค.ที่ผ่านมา เฉลี่ยเดือนละ 5%” ฉัททันต์กล่าว

เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามกันต่อเนื่องสำหรับการฟื้นตัวของ “ภาคท่องเที่ยว” ซึ่งรัฐบาลหวังให้เป็น “เครื่องยนต์สำคัญ” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกระบบ Thailand Pass แก่ผู้เดินทางชาวต่างชาติ เพื่อก้าวสู่การปลดล็อกมาตรการเดินทางแบบเบ็ดเสร็จ! หนุนภาพใหญ่ “เปิดประเทศเต็มรูปแบบ” ซึ่งผู้บริหารหน่วยงานด้านท่องเที่ยวแย้มมาว่า น่าจะเห็นข่าวดีในเร็ววันนี้!!