อาร์เอส ท้าชิง TOP5 ผู้นำขายตรง วาดเป้า3ปีเข้าตลาดฯโกยยอด3พันล้าน

อาร์เอส ท้าชิง TOP5 ผู้นำขายตรง  วาดเป้า3ปีเข้าตลาดฯโกยยอด3พันล้าน

หลังปิดดีลซื้อกิจการขายตรง "ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์" แม่ทัพใหญ่ "เฮียฮ้อ - สุรชัย" แหางอาร์เอส ประกาศพลิกภาพสู่ขายตรงยุคใหม่ วาดเป้า 3 ปี จะเติบโตก้าวกระโดดมีรายได้ 3,000 ล้านบาท จากนั้นจะ Spin-off ธุรกิจขายตรงเข้าตลาด ผลักดันโตต่อระยะยาว

“ธุรกิจขายตรง” ผ่านยุครุ่งโรจน์ ตลาดเติบโต 5-7% ต่อปี มีคนจำนวนมากจับเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ กระทั่งเกิดพายุดิจิทัลถาโถม ทำให้เป็นอีกธุรกิจเผชิญการเติบโต “ทรงตัว” จนถูกมองเป็นธุรกิจดาวร่วง ปัจจุบันตลาดขายตรงมีมูลค่า 70,000 ล้านบาท ผู้เล่นรายใหญ่ 5 อันดับแรกล้วนเป็นแบรนด์ดัง ทำเงินหลายพันล้านจนถึงหมื่นล้านบาทต่อปี เช่น แอมเวย์ นูสกิน กิฟฟารีน มิสทิน และยูนิซิตี้ เป็นต้น

“อาร์เอส-ยูไลฟ์” เป็นผู้ท้าชิงใหม่บนสมรภูมิขายตรง แต่ชื่อชั้นแบรนด์สินค้า ทีมบริหาร กลับ “เก๋าเกม” ในตลาด เพราะแม่ทัพใหญ่ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มองเห็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสธุรกิจขายตรงอยู่มาก จึงทุ่มเงิน 880 ล้านบาท ซื้อกิจการ “ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์” กิจการขายตรงจาก “ยูนิลีเวอร์” เบอร์ 1 สินค้าอุปโภคบริโภคของโลก

การได้ธุรกิจมา “สุรชัย” วางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตใน 3 ปีอย่างน่าสนใจ พร้อมพลิกภาพให้เป็น “ธุรกิจขายตรงยุคใหม่”

อ่านเกมขายตรงตลาด 70,000 ล้านบาท สินค้าสุขภาพ คือตัวทำเงินสัดส่วนสูงสุด 56% ตามด้วย สินค้าความงาม ทรงตัว แต่ตลาดยังเนื้อหอมเพราะปีที่ผ่านมามีผู้เล่นหน้าใหม่ 67 รายเปิดบริษัทลุยขายตรง

ระหว่างดีลซื้อกิจการ จึงเริ่ม “รีแบรนด์” สู่ “อาร์เอส-ยูไลฟ์” คู่ขนาน เพื่อให้สอดคล้องทิศทางและวิสัยทัศน์องค์กร ดึงการทำตลาดอยู่ภายใต้โมเดล “เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ” และซินเนอร์ยีสินทรัพย์ที่มี เช่น Popcoin แพลตฟอร์มการตลาดครบวงจร สร้างการเติบโต

หัวใจสำคัญของขายตรง นอกจากสินค้าดี “นักธุรกิจ” ซึ่งยูไลฟ์ เรียก Business Partner:BP จำนวน 1.5 แสนราย ทำหน้าที่ขายสินค้าต้องได้รับ “ผลตอบแทน” เพิ่ม เพราะปัจจุบันคนเหล่านี้แอคทีฟเพียง 40% จึงจูงใจด้วยผลตอบแทน 15% จากเดิม 5%

ยูไลฟ์ ไม่ได้มองแค่คนทั่วไปเข้ามาเป็นนักธุรกิจ แต่ต้องการดึง “พ่อค้าแม่ขายออนไลน์” เข้ามาอยู่ในเครือข่ายด้วย เพราะเชื่อในศักยภาพของการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายผ่านการขายรูปแบบต่างๆ เช่น ไลฟ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

“ภาพรวมขายตรงจะโตหรือหดตัว เราดูเป็นองค์ประกอบเท่านั้น สิ่งสำคัญคือธุรกิจอยู่ในมือใคร อย่างปีก่อนยูไลฟ์ทำรายได้ 650 ล้านบาท ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโต 1,100 ล้านบาท ภายใน 3 ปี เราต้องการโตก้าวกระโดดมีรายได้ 3,000 ล้านบาท ก้าวเป็น 1 ใน 5 ผู้นำ ซึ่งท้าทายมาก จากนั้นจะ spin-off ธุรกิจขายตรง ผลักดันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ”

คร่ำหวอดธุรกิจขายตรงกว่า 30 ปี การนำทัพในบ้านหลังใหม่  สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส-ยู ไลฟ์ จำกัด ให้นิยามยูไลฟ์ ทรานส์ฟอร์มสู่ธุรกิจขายตรงยุคใหม่ คือการลบปมปัญหาหรือ Pain point ในอดีตที่นักธุรกิจขายตรงเป็น “ผู้ตาม” ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายให้ซื้อสินค้า หากตามพอเหมาะจะสร้างความพึงพอใจ หากตามมากไปจะเป็นการ “ตื๊อ” จากนี้ไปจะพลิกภาพ นักธุรกิจขายตรงจะต้องทำให้ลูกค้า “ตาม” บ้าง เช่น โพสต์สินค้า แปะลิงค์ เสิร์ฟคอนเทนท์ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ จะมีการอบรม โค้ชชิ่งเสริมแกร่งให้เครือข่ายที่ติดตามเป็น “นาโน อินฟลูเอนเซอร์” ช่วยสร้างยอดขายหลัก “แสนบาท” ปูทางสร้างยอดขายก้อนโต

“ภาพการเป็นผู้ติดตามลูกค้าไม่ควรหายไป เพราะเป็นดีเอ็นเอของนักธุรกิจขายตรง แต่ยุคใหม่จะต้องทำให้ลูกค้าติดตามเราด้วย ถือเป็น Killer pain point เดิม อีกภาพขายตรงยุคใหม่ คือ Speed ในการทำตลาด เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านออนไลน์ อดีตจะหาลูกค้าร้อยคนใช้เวลานาน ปัจจุบัน 5,000 คนสร้างได้เร็ว ดูแลค้าขายตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน”

อีกกลยุทธ์สร้างการเติบโตบริษัทจะเพิ่มพอร์โฟลิโอสินค้าเป็น 6 แบรนด์ มีสินค้ารวม 200 รายการ (SKU) จาก 6 หมวด เช่น สินค้าเพื่อบริโภคประจำวันอย่างกาแฟ สินค้าเครื่องใช้ภายในบ้าน (โฮมแคร์) ปัจจุบันมีสินค้า 3 แบรนด์ จาก 3 หมวด เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ไอ-เฟรช ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสุขภาพ บียอนด์ และผลิตภัณฑ์ความงามอาวียองซ์ รวม 65 เอสเคยู 

พร้อมวางงบกว่า 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาด และPopcoin อีก 200 ล้านบาท หนุนการเติบโต ส่วนนักธุรกิจวางเป้าหมายมีตัวแทน 1 ล้านราย เสิร์ฟสินค้าแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านราย

“ธุรกิจขายตรงจะเติบโตอย่างยั่งยืน เราต้องมีสินค้าตอบสนองผู้บริโภคที่ซื้อแล้วเกิดการซื้อใช้ซ้ำจากฐานลูกค้าเดิม 70%”