"วงษ์สยาม" จี้คลังเซ็นท่อส่งน้ำอีอีซี ขู่ฟ้องคลังทำธุรกิจเสียหาย

"วงษ์สยาม" จี้คลังเซ็นท่อส่งน้ำอีอีซี ขู่ฟ้องคลังทำธุรกิจเสียหาย

"วงษ์สยามก่อสร้าง"ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีคลังร้องเร่งเซ็นสัญญาการดำเนินโครงการท่อน้ำอีอีซี​ หลังธนารักษ์เลื่อนเวลาการเซ็นสัญญาออกไปไม่มีกำหนด​ ขู่ฟ้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำธุรกิจเสียหาย​

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า​  บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง​ จำกัด​ ได้ส่งหนังสือถึงผู้บริหารกระทรวงการคลัง​ ประกอบด้วย​ นายอาคม​ เติมพิทยาไพสิฐ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ นายสันติ​  พร้อมพัฒน์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง​ และ​ นายประภาศ​ คงเอียด​ อธิบดีกรมธนารักษ์​ เพื่อเร่งรัดให้กระทรวงการคลัง​ โดยกรมธนารักษ์ลงนามในสัญญาการดำเนินโครงการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(ท่อน้ำอีอีซี)​กับบริษัทในฐานะผู้ชนะการประมูล​ หากไม่เร่งดำเนินการทางบริษัทจะต้องฟ้องร้องต่อกระทรวงการคลัง

 

ทั้งนี้​ ในหนังสือระบุว่า คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2565​ เห็นชอบให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด  เป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และกรมธนารักษ์ได้กำหนดวันลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในวันที่ 3 พ.ค.2565

ต่อมากรมธนารักษ์มีการเลื่อนการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกในวันดังกล่าวออกไปก่อน และจะแจ้งกำหนดการลงนามในสัญญโครงการฯ ให้บริษัทฯ ทราบต่อไป นั้น
บริษัทฯ มีความจำเป็นจะต้องเรียนให้ทราบว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการในฐานะผู้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอโครงการฯ และคณะกรรมการที่ราชพัสุดมีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับสิทธิบริหารโครงการ
ดังกล่าว โดยทางกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือแจ้งกำหนดวันลงนามและให้บริษัทฯ จัดเตรียมเงินเพื่อชำระตามสัญญา​ ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแจ้งจนครบถ้วนแล้ว หากนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุมีมติเห็นชอบเมื่อเดือนมี.ค. จนถึงบัดนี้ล่วงเลยมานานจนทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบในการเตรียมการเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานตามข้อเสนอโครงการฯ และความเสียหายแก่บริษัทฯ อีกด้วย

อนึ่ง การทอดเวลาในการลงนามสัญญาดังกล่าวยังทำให้แผนการดำเนินการไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
และกรอบเวลาที่กำหนด ส่งผลให้กรมธนารักษ์ได้รับผลตอบแทนและส่วนแบ่งรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กรมธนารักษ์กำหนดไว้ เดือนละ 41,092,029.66 บาท โดยแบ่ง เป็นค่าผลตอบแทนเดือนละจำนวน 3,720,363 บาท ส่วนแบ่งรายได้เดือนละ จำนวน 37,371,666.66 บาท)

หากกรมธนารักษ์ยังให้
บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ครอบครองใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไปโดยจ่ายค่าตอบแทนแบบเดิม อาจจะมีข้อครหาจากประเด็นดังกล่าวได้ว่าเป็นการให้ใช้ทรัพย์สินของแผ่นดิน
โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดแก่หน่วยงานรัฐและเอื้อประโยชน์ต่อ EASTW ซึ่งเป็นผู้แพ้ประมูล
ได้รับต้นฉบับแล้ว

นอกจากนี้ การประวิงเวลาในการปฏิบัติตามพันธะของรัฐที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลให้เนิ่นนานออกไป และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ จะไม่อาจจะเยียวยาได้ ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีต่อหน่วยงานของรัฐพนักงานเจ้าหน้าที่แะบุคคลผู้เกี่ยวข้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งจนถึงที่สุด​ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการเร่งรัดลงนามสัญญาโดยด่วนต่อไป